ส่งออกชิป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ก.ค. 68) ณ เวลา 10:02 น. ราคาหุ้น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA อยู่ที่ระดับ 107.00 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือ 2.28% สูงสุดที่ระดับ 107.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 106.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141.41 ล้านบาท บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA อยู่ที่ระดับ 20.20 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือ 2.88% สูงสุดที่ระดับ 20.20 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 20.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 18.66 ล้านบาท บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE อยู่ที่ระดับ 21.10 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือ 2.76% สูงสุดที่ระดับ 21.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 88.23 ล้านบาท บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CCET อยู่ที่ระดับ 5.85 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือ 2.50% สูงสุดที่ระดับ 5.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.65 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 156.42 ล้านบาท สำหรับราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง สาเหตุจากรายงานจากบลูมเบิร์กระบุว่า สหรัฐฯ เตรียมจำกัดการส่งออก Chip AI ไปในบางประเทศเพิ่มเติมเพื่อจำกัดการส่งต่อไปยังประเทศจีนสำหรับ Chip AI ขั้นสูง โดยประเทศไทยและมาเลเซีย อาจเข้าข่ายดังกล่าว นอกจากนี้การเจรจาสงครามการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้ตลาดกังวลความไม่แน่นอน ที่อาจเกิดขึ้นกับอัตราภาษีในประเทศไทย จะสูงกว่าประเทศคู่แข่งโดยตรงหรือไม่ นายรัตนพล วงศ์นภาจันทร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบจากมาตรการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ได้ เนื่องจากต้องรอให้มีการประกาศกฎเกณฑ์ หรือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนออกมาก่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังได้รับการจัดส่งชิปจาก NVIDIA ตามปกติไม่มีความล่าช้าหรือข้อจำกัดใด ๆ ในขณะนี้ “ต้องรอดู Regulation หรือ Guideline ออกมาก่อน แต่ตอนนี้การส่งชิปของ NVIDIA ยังเป็นปกติ” นายรัตนพล กล่าว ทั้งนี้เมื่อเดือน ก.ย. 2567 สยาม เอไอ ได้รับการรับรองเป็น NVIDIA Cloud Partner (NCP) รายแรกที่เจ้าของเป็นคนไทย เปิดใช้งานโครงสร้างพื้นฐาน AI เต็มรูปแบบด้วยสถาปัตยกรรม AI ของ NVIDIA เช่น รุ่น HGX H200 และ H100 ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินผลกระทบกรณี “ทรัมป์” วางแผนจำกัดการส่งออกชิป AI จากบริษัทต่าง ๆ เช่น NVIDIA ไปยังประเทศไทยและมาเลเซีย กล่าวคือ 1) กลุ่มที่คาดกระทบตรงอย่างบริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (Siam AI) ที่เป็น Nvidia Cloud Partner (NPC) ประเทศไทย และอาจต่อเนื่องไปที่ LTS ซึ่งรับงานต่อจาก Siam AI 2) กลุ่ม Data center อาจกระทบแผนการลงทุน และแผนการเช่า Co-location แต่ในประเทศไทยคาด Data center ส่วนใหญ่ยังเป็น CPU ไม่ใช่ GPU สำหรับ AI อาจกระทบจำกัด อีกทั้งสหรัฐฯ อาจจะมีข้อยกเว้นบางอย่างให้กับบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ และ “ประเทศที่เป็นมิตร” ได้ชั่วคราว อาจไม่กระทบกับแผนของ Hyperscalers อย่างไรก็ตามแผนระยะยาวอาจกระทบการพัฒนา AI Cluster ในประเทศไทยและเสียโอกาสเม็ดเงินการลงทุนด้านนี้ และอาจส่งผลถึงอุปสงค์โรงไฟฟ้าบางส่วนในระยะยาว 3) กลุ่มที่พัฒนา AI ของตัวเองในประเทศ อาจจะมีต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะต้องใช้ช่องทางอ้อม หรือย้ายงานบางอย่างไปประเทศอื่น อย่างเช่น สิงคโปร์ 4) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คาดว่ากระทบจำกัด โดย HANA, CCET และ KCE ไม่ได้มีสินค้าเกี่ยวเนื่องกับ AI อยู่แล้ว ขณะที่บริษัท DELTA ไม่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการขายสินค้ากลุ่ม Power management ในภูมิภาคอยู่แล้ว ดังนั้นการขายในระดับโลก จึงคาดว่าไม่กระทบเช่นกัน แต่อาจกระทบทางอ้อมในด้านของ Supply chain เนื่องจากมาเลเซียเป็นฐานสำคัญในการทำ Packaging/Testing อย่างไรก็ตาม จากที่กล่าวก่อนหน้าสหรัฐฯ อาจมีข้อยกเว้น เพื่อลดผลกระทบความเสี่ยงด้าน Supply chain shock 5) กลุ่ม Bitcoin mining การขุด หรือ Mining ขนาดใหญ่ (Industrial Scale) พึ่งพา GPU หรือ ASIC บางส่วนมาจาก NVIDIA หากมาตรการรวมถึง GPU สำหรับ High Compute อาจทำให้ Mining Farms จัดหาชิปได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบอาจจำกัด เพราะ Mining Hardware หลายชนิดไม่ใช่ AI-specific GPU โดยตรง