เงินเกษียณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทรงพล ชีวะปัญหาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 กันยายน 2568 จะมีสมาชิก กบข. เกษียณอายุราชการจำนวน 18,174 ราย จากสมาชิกรวม 1.27 ล้านราย โดยกบข. ได้เตรียมวงเงินจ่ายผลประโยชน์รวมประมาณ 25,500 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินสะสม เงินสมทบจากรัฐ และเงินผลตอบแทนจากการลงทุนตั้งแต่เข้าร่วมเป็นสมาชิกจนถึงวันเกษียณ กบข. ประเมินว่า สมาชิกที่จะเกษียณปีนี้จะได้รับเงินเฉลี่ย 1.49 ล้านบาทต่อราย โดยผู้ที่ได้รับสูงสุดมีสิทธิ์ได้เงินถึง 7.59 ล้านบาท และจะสามารถจ่ายเงินได้ภายใน 7 วันทำการ หลังได้รับเอกสารครบถ้วนและคำสั่งเกษียณมีผลบังคับใช้ นอกจากการรับเงินก้อนแล้ว กบข. ยังเปิดทางเลือกให้สมาชิกใช้บริการ “ออมต่อ” เพื่อให้กบข. บริหารเงินลงทุนต่อเนื่อง โดยข้อมูล ณ 31 สิงหาคม 2568 มีอดีตสมาชิกที่เลือกออมต่อเกือบ 8,000 ราย ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ราว 4% นายทรงพล กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาชิกที่เกษียณจะได้รับเงิน 2 ส่วน คือ เงินจากกบข. และเงินบำเหน็จบำนาญจากกรมบัญชีกลาง หากยังไม่มีแผนการใช้เงินก้อน สามารถเลือกออมต่อเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง และสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง กบข. มีมาตรการป้องกันมิจฉาชีพอย่างเข้มงวด กบข. (กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ) เป็นกองทุนการออมภาคบังคับสำหรับ ข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ และลูกจ้างประจำของส่วนราชการ ที่เข้ารับราชการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา สมาชิกต้องสะสมเงินเข้ากองทุนทุกเดือน โดยมี รัฐสมทบเพิ่ม และกบข.จะนำเงินไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน เมื่อเกษียณอายุราชการ สมาชิกจะได้รับเงินก้อนจากกบข. นอกเหนือจาก เงินบำเหน็จบำนาญจากกรมบัญชีกลาง