MarketGRM

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ระดับ 5.45 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.81% สูงสุดที่ระดับ 5.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.30 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 186.93 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า SPRC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 2.2 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และขาดทุน 812 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2568 โดยผลประกอบการดังกล่าวดีกว่าประมาณการของบริษัทหลักทรัพย์และตลาด 52% และ 97% ตามลำดับ ด้านธุรกิจโรงกลั่น บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุน 1.6 พันล้านบาทในปีก่อน และขาดทุน 336 ล้านบาทในไตรมาสก่อน สะท้อนการปรับตัวดีขึ้นของค่า Market GRM ที่ระดับ 5.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะเดียวกันยังรับรู้กำไรสต๊อกสุทธิหลังหักมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) ที่ 1.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมเป็นขาดทุน โดยมีปริมาณการกลั่น (Crude Intake) อยู่ที่ 168 พันบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 7% ทั้งเมื่อเทียบรายปีและรายไตรมาส ธุรกิจเชิงพาณิชย์รายงาน EBITDA ที่ 670 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 182 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2567 และ 194 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2568 ตามค่า Commercial GRM ที่แข็งแกร่งขึ้นสู่ระดับ 1.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบรายปี และเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบรายไตรมาส นอกจากนี้ บริษัทรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 78 ล้านบาท แม้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน บล.ดาโอ ประเมินว่า ค่า Market GRM มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 4 ปี 2568 ตามการฟื้นตัวของค่า Crack Spread ซึ่งจะช่วยชดเชยต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นและความเป็นไปได้ของการรับรู้ Stock Loss บางส่วน ทั้งนี้ บริษัทปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025 และ 2026 เพิ่มขึ้น 512% และ 14% ตามลำดับ มาอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท และ 2.8 พันล้านบาท จากสมมติฐาน Market GRM ใหม่ในช่วง 5.8–6.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และปริมาณการกลั่น 144–165 พันบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมผลของการปรับประมาณการกำไรและเปลี่ยนปีฐาน บล.ดาโอ ได้ประเมินราคาเป้าหมายใหม่ของ SPRC ที่ 6.50 บาท อิงอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (PBV) ปี 2026 ที่ระดับ 0.70 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีราว 1.4 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยมองว่าราคาหุ้นที่อ่อนตัวก่อนหน้าได้สะท้อนแผนปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในไตรมาส 1 ปี 2569 ไปมากแล้ว ขณะที่ยังไม่สะท้อนภาพฟื้นตัวของ Crack Spread ในช่วงไตรมาส 3–4 ปี 2568 อย่างเต็มที่