Rooftop

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 พ.ย.68) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการภาษีด้านพลังงาน ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ครอบคลุมทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดยมีเป้าหมายลดต้นทุนพลังงาน กระตุ้นการลงทุน และเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด มาตรการแรก คือ การสนับสนุนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในบ้านพักอาศัย เปิดให้บุคคลธรรมดา นำค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบแบบเชื่อมต่อโครงข่าย (On-grid) ขนาดไม่เกิน 10 กิโลวัตต์พีค มาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท ทั้งนี้ ระบบต้องเป็นของใหม่ ได้รับอนุญาตเชื่อมต่อจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ และมีใบกำกับภาษีรูปแบบ e-Tax Invoice ครบถ้วน มาตรการดังกล่าวคาดว่า จะมีผู้ใช้สิทธิกว่า 90,000 ครัวเรือน ช่วยลดการใช้ไฟฟ้ารวม 585 ล้านหน่วยต่อปี ลดการนำเข้า LNG ราว 94,000 ตัน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 0.28 ล้านตันต่อปี พร้อมสร้างงานใหม่ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ไม่น้อยกว่า 450 อัตรา และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจราว 20,250 ล้านบาท ส่วนมาตรการด้านภาคธุรกิจ รัฐบาลอนุมัติสิทธิลดหย่อนภาษี 50% ของค่าใช้จ่ายในการลงทุน เพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเปลี่ยนมาใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ประสิทธิภาพพลังงานระดับ 5 ดาว เช่น ปั๊มความร้อน สีทาผนังอาคาร กระจกประหยัดพลังงาน ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ พัดลมไฟฟ้า กระติกน้ำร้อน และเครื่องซักผ้า โดยครอบคลุมผู้มีเงินได้ตามมาตรา 40(5)-40(8) และนิติบุคคลที่ต้องการลดต้นทุนไฟฟ้าในระยะยาว ทั้งนี้ อุปกรณ์ต้องเป็นของใหม่ ได้รับมาตรฐานประสิทธิภาพสูงสุด และซื้อจากผู้ประกอบการที่ออก e-Tax Invoice เท่านั้น มาตรการชุดนี้คาดว่า จะช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้มากกว่า 30,000 ล้านหน่วยต่อปี ลดค่าใช้จ่ายพลังงานกว่า 110,000 ล้านบาทต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 15 ล้านตันต่อปี และกระตุ้นการลงทุนใหม่มูลค่ากว่า 220,000 ล้านบาท ช่วยยกระดับประสิทธิภาพของโรงงานและธุรกิจทั่วประเทศ รวมถึงสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน ทั้งนี้ ประชาชนและภาคธุรกิจจะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้หลังจากคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณารายละเอียดเสร็จสิ้นและมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยมาตรการจะเปิดให้ใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2571 นายอรรถพล ระบุว่า มาตรการภาษีใหม่ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนระบบพลังงานของไทยสู่ความสะอาด มั่นคง และยั่งยืน พร้อมสร้างผลประโยชน์ตรงสู่ประชาชน ทั้งการลดค่าไฟของครัวเรือน และการลดต้นทุนพลังงานในภาคธุรกิจ เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว