GL ตั้ง”บริษัทกระดาษ”ปล่อยกู้! กล้าเซ็นเพิ่มร้อยล้านแม้โดนเบี้ยว

GL จดบริษัทย่อย "กรุ๊ปลีสโฮลดิ้งส์" ในสิงคโปร์ ฝากที่อยู่กับบริษัทกฏหมายทำตัวเป็นบริษัทกระดาษ คล้าย "ปานามาเปเปอร์ส" ฟากลูกหนี้ใจชื้น ผิดนัดชำระดอกเบี้ย แต่ GLH ยังใจดีปล่อยกู้จัดเต็มต่อให้อีก 100 ล้านบาท หวาดเสียวอนาคต GL อาจต้องบันทึกหนี้สูญมหาศาล!


ผู้สื่อข่าว “หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ” ที่ประเทศสิงคโปร์ รายงานว่า จากการตรวจสอบที่อยู่ของบริษัท Group Lease Holdings Pte. Ltd หรือ GLH บริษัทย่อยของ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าตั้งอยู่ที่ 80 Raffles Place #32-01 UOB Plaza Singapore โดยในภายหลังตรวจสอบพบว่า เลขที่อยู่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของบริษัทกฎหมายชื่อ Dentons Rodyk & Davidson LLP ซึ่งอยู่ภายในอาคาร UOB Plaza1

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่า Group Lease Holdings Pte. Ltd. มีลักษณะคล้ายกับ Shell Company หรือบริษัทกระดาษ ที่ไปฝากที่อยู่ไว้กับบริษัทกฎหมายข้างต้นเท่านั้น และผลของการตรวจสอบ ไม่พบสำนักงานของ GLH แต่อย่างใด

 

 

โดยกรณีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกับกรณีของ “ปานามาเปเปอร์ส” ที่เปิดโปงรายชื่อของบริษัทขนาดใหญ่ นักการเมือง หรือผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่เข้าไปใช้บริการที่ปรึกษาทางกฎหมายและการลงทุน ชื่อ MOSSACK FONSECA สำหรับฟอกเงิน หนีภาษี สร้างราคาหลักทรัพย์เทียม หรือเพื่อเป็นการซ่อนเร้น หรืออำพรางธุรกรรมทางการเงินบางประเภท ด้วยวิธีตั้งบริษัทกระดาษขึ้นมาและฝากที่อยู่ไว้กับบริษัทกฎหมายแห่งนี้

ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 มี.ค.60 GL ได้ทำการชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีกรณีเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า ปัจจุบันมีจำนวนเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อย GLH จำนวน 3.48 พันล้านบาท และดอกเบี้ยค้างรับ จำนวน 282 ล้านบาท โดย GLH ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปดำเนินการปล่อยสินเชื่อต่อให้ผู้กู้อีก 2 กลุ่ม

โดยแบ่งเป็นลูกหนี้ในประเทศไซปรัส จำนวน 4 ราย มูลหนี้เงินต้นรวม 1.42 พันล้านบาท และลูกหนี้ในประเทศสิงคโปร์ อีกจำนวน 4 ราย มูลหนี้เงินต้นรวม 2.02 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันยังคงมีจำนวนเงินให้กู้ยืมที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ จำนวน 3.67 พันล้านบาท โดยในจำนวนนี้แบ่งเป็นหนี้ได้รับการขยายเวลาการชำระออกไป 2-3 ปี จำนวน 2.13 พันล้านบาท ขณะเดียวกันมีหนี้ซึ่งถูกระบุว่า ค้างชำระระหว่าง 1-12 เดือนอีกราว 94 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเอกสารแนบท้ายคำชี้แจงดังกล่าว ซึ่งเป็น “รายละเอียดเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับและการขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับ” ผู้สื่อข่าวพบข้อมูลตัวเลขที่แสดงถึงความผิดปกติของการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้จำนวน 2 รายในประเทศไซปรัส ประกอบด้วย บริษัท Adalene Limited และบริษัท Baguera Limited โดยปรากฏว่า GLH ยังมีการปล่อยเงินกู้ให้แก่ 2 บริษัทดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง หลังจากเคยผิดนัดชำระดอกเบี้ยมาก่อนหน้านี้แล้ว

โดยในรายของ Adalene Limited พบว่า มีการทำสัญญากู้ยืมเงิน (Loan Agreement) และ สัญญาการให้สินเชื่อ (Facility Agreement) กับ GLH รวมทั้งหมด 7 สัญญา แบ่งเป็นประเภทแรก 6 สัญญา และประเภทสอง 1 สัญญา ขณะที่ความผิดปกติดังกล่าวเริ่มต้นขึ้น ณ ตอนที่มีการทำสัญญาเงินกู้ฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2559 ซึ่ง GLH ได้ปล่อยกู้ไปเป็นจำนวนเงิน 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี ระยะเวลากู้ยืม 3 ปี หรือครบกำหนดชำระในวันที่ 29 มิ.ย. 2562

อนึ่ง นโยบายการเรียกชำระหนี้ตามเอกสารชี้แจงระบุว่า GLH จะทำการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ครบกำหนดชำระตามสัญญาเงินกู้ที่เกี่ยวข้องเป็นรายไตรมาส และโดยปกติจะมีการออกใบแจ้งหนี้สำหรับดอกเบี้ยนั้นๆ ภายใน 5-6 สัปดาห์หลังจากสิ้นไตรมาส และจะกำหนดให้ลูกหนี้ต้องชำระเงินภายในไม่เกิน 1-3 สัปดาห์หลังจากนั้น ดังนั้นในกรณีนี้ที่มีการทำสัญญาเงินกู้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2559 Adalene จะต้องทำการชำระดอกเบี้ยงวดแรกไม่เกิน วันที่ 4 ธ.ค. 2559 จำนวน 1.88 แสนเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดชี้แจงจากเอกสารดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า สัญญากู้ยืมเงินฉบับข้างต้น ยังมีตัวเลขดอกเบี้ยค้างรับ ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2559 อยู่ที่ 3.77 แสนเหรียญสหรัฐ หรือหมายถึง Adalene ไม่เคยชำระดอกเบี้ยให้กับทาง GLH แม้แต่งวดเดียว ขณะที่หลังจากนั้นยังมีการปล่อยกู้ให้กับลูกหนี้รายเดียวกันนี้อีก 4 ครั้งด้วยกัน จำนวนเงินรวม 14 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็น วันที่ทำสัญญา คือ 29 ก.ย. 2559 และ 23 พ.ย. 2559 และ 12 ธ.ค. 2559 และ 14 ธ.ค. 2559

ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นว่า GLH ได้ทำการปล่อยเงินกู้ให้กับ Adalene เพิ่มหลังจากรับทราบถึงการผิดนัดชำระดอกเบี้ยงวดแรกไปแล้วถึงอย่างน้อย 2 ครั้งด้วยกัน คือ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2559 จำนวน 6 แสนเหรียญสหรัฐ และเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2559 จำนวน 2.40 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า ผู้กู้รายนี้ไม่เคยชำระดอกเบี้ยแม้แต่ครั้งเดียว สำหรับสัญญากู้ยืมเงินทั้ง 5 สัญญา มูลค่ารวมทั้งสิ้น 19 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่เกิดขึ้นระหว่างครึ่งหลังของปี 2559 โดยยังมีดอกเบี้ยค้างรับ ณ วันปิดงบฯอีกจำนวน 6.43 แสนเหรียญสหรัฐ อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2559 GLH ยังได้ดำเนินการปล่อยกู้ให้แก่ลูกหนี้อีกหนึ่งรายด้วย คือ Baguera Limited เป็นจำนวนเงิน 7.45 แสนเหรียญสหรัฐ โดยมีระยะเวลากู้ยืม 3 ปี และคิดอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 15%

อย่างไรก็ตาม นายโสภณ เพิ่มศิริวัลลภ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต บริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด ได้ระบุในหมายเหตุประกอบงบการเงินงวดปี 2559 ของ GL ว่า ดอกเบี้ยรับในระหว่างปีจากลูกหนี้ 2 กลุ่มนี้มีจำนวน 485 ล้านบาท โดยเป็นการคิดอัตราเฉลี่ยดอกเบี้ยที่ระดับ 17% ของจำนวนเงินกู้ทั้งหมด ซึ่งตัวเลขรายได้ที่บันทึกเข้ามาจากส่วนนี้ คิดเป็นสูงถึง 38% ของกำไรสุทธิของบริษัทและบริษัทย่อย

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนเงินดังกล่าวที่ถูกบันทึกเข้ามาในงบการเงินรวมงวดปี 2559 ของ GL ถือเป็นการชำระดอกเบี้ยโดย GLH ให้กับทางบริษัทตามปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการอนุมัติเงินกู้เพื่อให้ไปดำเนินการปล่อยกู้ต่ออีกทอดหนึ่งตามข้อมูลข้างต้นจำนวน 3.48 พันล้านบาท

ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีรายงานข้อมูลงบการเงินของ GLH ว่าอยู่ในสถานะปกติหรือไม่ โดยเฉพาะหากว่าลูกหนี้ของตนไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นคืนได้ในอนาคตแล้วจะมีผลกระทบต่อ GL ในฐานะผู้ปล่อยเงินต้นทางหรือไม่อย่างไร

อนึ่ง GLH ยังเป็นบริษัทย่อยของ GL ซึ่งถูกจดจัดตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์ ดังนั้นจึงมีเงื่อนไขการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะที่ค่อนข้างจำกัด หรือกล่าวคือ บริษัทในสิงคโปร์มีความจำเป็นน้อยกว่าบริษัทในหลายประเทศอื่นที่ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลสถานะของบริษัทให้แก่ผู้อื่นได้รับรู้ เนื่องจากสิงคโปร์ต้องการสร้างแรงดึงดูดให้มีธุรกิจหรือการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศตนเองมากขึ้น หรือแม้กระทั่งบางบริษัทยังได้รับการยกเว้นการสอบบัญชี หากพบว่ามีคุณสมบัติที่อยู่ในเงื่อนไขอีกด้วย

Back to top button