UPOIC-LST โอด! ปีนี้ปริมาณปาล์ม-ผลผลิตน้ำมันต่ำเป้าจากปัญหาภัยแล้ง

UPOIC-LST โอด! ปีนี้ปริมาณปาล์ม-ผลผลิตน้ำมันต่ำเป้าจากปัญหาภัยแล้ง


นางสาวอัญชลี สืบจันทรศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UPOIC เปิดเผยว่า ปริมารการขายผลผลิตปาล์มในปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 280,000 ตัน หลังจากครึ่งปีแรกมีปริมาณ 130,000 ตัน เนื่องจากไดรับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่ทำให้ปัญหาภัยแล้งมีความยาวนานต่อเนื่องจากปีก่อนมาถึงช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย.59 ซึ่งยาวนานกว่าปีที่แล้ว เป็นปัจจัยกดดันหลักที่ทำให้จำนวนผลผลิตปาล์มลดลง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าปริมาณผลผลิตปาล์มในปีนี้จะไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 250,000 ตัน

“อีก 4 เดือนต่อจากนี้ก็ยังไม่สามารถคาดเดาสถาการณ์ได้ว่าเป็นอย่างไร แต่ยีลด์ที่ได้ก็น่าจะดีกว่าปีก่อน เพราะช่วง 6 เดือนแรกเห็นได้ชัดว่ายีลด์ออกมาดีกว่า 6 เดือนปีก่อน”นางสาวอัญชลี กล่าว

สำหรับการลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหม่ บริษัทอยู่ระหว่างการมองหาซื้อที่ดินเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่ซื้อที่ดินไปแล้วทั้งหมด 2,000 ไร่ในจังหวัดกระบี่ ใช้เม็ดเงินทั้งหมด 600 ล้านบาท มาจากกระแสเงินสดของบริษัท จำนวน 400 ล้านบาท และเงินกู้จากสถาบันการเงิน จำนวน 200 ล้านบาท

นางสาวอัญชลี ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST คาดว่ารายได้ในปีนี้มีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้โต 5-8% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 8.29 พันล้านบาท จากผลผลิตปาล์มน้อยลง จากภาวะภัยแล้งที่ต่อเนื่องและปัญหาเอลนีโญ ส่งผลต่อปริมาณการสกัดน้ำมันปาล์มที่ลดลงตาม

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับผลบวกต่อราคาน้ำมันปาล์มที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 30 บาท/กิโลกรัม จากปีก่อนราคาน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 25-26 บาท/กิโลกรัม สนับสนุนรายได้ของบริษัทที่แม้ว่าจะพลาดเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ยังคงมากกว่าปรายได้ในปีก่อนเล็กน้อย

ทั้งนี้ บริษัทจะยังไม่มีการลงทุนใหม่ๆในปีนี้ แต่จะเป็นการลงทุนในเรื่องของเครื่องจักรต่อเนื่องจากปีก่อน ทั้งการซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาทดแทนเครื่องจักรเดิม และลงทุนเครื่องจักรผลิตขวดบรรจุ งบลงทุนราว 400 ล้านบาท ซึ่งใช้ไปแล้วราว 50% คาดว่าปลายปีนี้น่าจะแล้วเสร็จได้ โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 60%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีความสนใจในการเข้าซื้อกิจการธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งมองว่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจปลายน้ำที่จะเข้ามาส่งเสริมยอดขายและการเติบโตของ LST ในอนาคต และช่วยเป็นการกระจายความเสี่ยงในการผลิตน้ำมันปาล์มที่มีผลกระทบต่อเนื่องจากธุรกิจต้นน้ำ แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังไม่มีความชัดเจนการซื้อธุรกิจอาหารในเร็วๆนี้ แม้ว่าปัจจุบันบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทั้งจากกระแสเงินสดในมือ และความพร้อมในการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เนื่องจากธุรกิจอาหารเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ผู้ประกอบการเดิมยอมขายกิจการออกมาน้อยมาก

Back to top button