ใครดันหุ้น ESSOลูบคมตลาดทุน
ราคาหุ้น ESSO หรือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ธนะชัย ณ นคร
ราคาหุ้น ESSO หรือ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ท่ามกลางข่าว (ลือ) ที่ว่า “เอ็กซอนโมบิล” ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ อาจมีการขายหุ้นออกมา และมีกลุ่มทุนในประเทศไทย เข้ามารับซื้อไว้
มาดูความเคลื่อนไหวของราคากันก่อน
หุ้น ESSO ราคาเริ่มขยับอย่างมีนัยสำคัญเมื่อ 13 ต.ค.59
ในวันนั้นราคาปิด 5.75 บาท
นับจากวันนั้น ราคาหุ้นขยับเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ กระทั่งล่าสุดมาอยู่แถวๆ 12.00–13.00 บาทต่อหุ้น
หรือในช่วง 18 วันทำการ ราคาขึ้นมาแล้ว 100-120%
ล่าสุด ทาง ESSO ได้ตอบคำถามของราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวผิดปกติต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
“ขอแจ้งว่า บริษัทฯ มิได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการพัฒนาที่มีนัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นอกเหนือไปจากสิ่งที่บริษัทฯ ได้เคยเปิดเผยต่อสาธารณชน”
นี่คือคำชี้แจงอย่างเป็นทางการของ ESSO
มาดูข้อมูลหุ้น ESSO กัน
ปัจจุบัน ESSO เป็นโรงกลั่นน้ำมันระดับมาตรฐานโลก กำลังการผลิต 177,000 บาร์เรลต่อวัน
โรงงานอะโรเมติกส์ กำลังการผลิตสารพาราไซลีน 500,000 ตันต่อปี และมีหน่วยผลิตสารทำละลาย กำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี
ส่วนสถานีบริการน้ำมันประมาณ 570 แห่งทั่วประเทศ
ผลประกอบการในช่วงปี 2555–2557 ขาดทุนมาโดยตลอด คือ 1,698 ล้านบาท, -378 ล้านบาท และ -10,346 ล้านบาท ไล่มาตามลำดับในแต่ละปี
ปี 2558 ผลประกอบการดีขึ้นมาหน่อย กำไรสุทธิ 1,700 ล้านบาท
ส่วนปี 2559 ช่วงครึ่งปีแรก กำไรสุทธิแล้ว 4,643 ล้านบาท
หลังแจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/59 มีนักวิเคราะห์แนะนำหุ้นซื้อหุ้น ESSO บ้าง ราคาเป้าหมายส่วนใหญ่ให้ไว้ระหว่าง 7-9 บาทต่อหุ้น
มีเพียงของ บล.ธนชาต ที่เคยให้ราคาเป้าหมายไว้ 8.00 บาท ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็น 11.50 บาท
หากดูจากข้อมูลตามนี้ หรือจากปัจจัยพื้นฐานต่างๆ แม้ผลประกอบการจะดีขึ้น แต่ราคาที่ขยับขึ้นมา ก็มากกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ค่อนข้างมาก
ประเด็นการ “ขายหุ้น” จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเอสโซ่ฯ จึงเกิดขึ้น
หากย้อนกลับไป 5-6 ปี ก่อนหน้านี้
ขณะนั้น ก็เคยมีข่าวว่า กลุ่ม ปตท. สนใจซื้อหุ้น ESSO ครับ โดยอาจเป็นการซื้อผ่าน TOP หรือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ที่กลุ่ม ปตท.ถือหุ้นใหญ่อยู่
แต่ทั้งสองฝ่ายหาข้อยุติการซื้อขายไม่ได้
ประกอบกับมีกระแสการต่อต้าน ไม่อยากให้ ปตท.ผูกขาดในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน
ข่าวเรื่องจะซื้อหุ้นเอสโซ่ จึงจบลง
ล่าสุดในปี 2559 ไทยออยล์ก็ได้ประกาศแผนลงทุนระยะยาว ด้วยการเตรียมเพิ่มกำลังการกลั่นจาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน
ข่าวว่า จะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 1/60
ประเด็นนี้น่าจะพอกลบข่าวที่ว่า ไทยออยล์ยังคงสนใจซื้อหุ้นของเอสโซ่ฯ ในเวลานี้ได้
ทว่า ยังคงมีข่าว (ลือ) อีกว่า มีผู้ประกอบการอื่นๆ สนใจซื้อหุ้นเอสโซ่
ไล่ตั้งแต่ PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ที่มีการกล่าวถึงกัน
แต่ก็มีการวิเคราะห์ว่า เป็นไปได้ยาก เพราะเปรียบเสมือน “ปลาเล็กกินปลาใหญ่” ครับ
หรือหาก PTG จะซื้อจริงๆ ก็ต้องเพิ่มทุนมหาศาล ยกเว้นแต่จะเอาแต่สถานีบริการน้ำมัน ซึ่งประเด็นตรงนี้ก็มีคำถามว่า แล้วนั่นจะเป็นเหตุให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเป็น 100% เชียวหรือ
SPRC หรือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่กลุ่มเชฟรอนถือหุ้นใหญ่ ก็ลือกันไปว่าสนใจเช่นกัน
และตัวละครสุดท้ายคือ “เสี่ยเจริญ” หรือคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี นี่ก็ลือกัน ด้วยเหตุผลว่า สนใจในเรื่องของ “ที่ดิน”
มีข้อน่าสังเกตว่า ในช่วงที่ราคาขยับขึ้นมา ก็มีนักลงทุนรายใหญ่หลายคน เข้ามาร่วมวงเล่น ด้วยการซื้อหุ้น ESSO ด้วยเช่นกัน แต่เป็นแบบ “เล่นสั้น”
บางคนไล่ซื้อมาตั้งแต่ราคา 5.00-6.00 บาท
แต่ตอนนี้ขายไปแล้ว
มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เหตุใด โบรกฯ แห่งหนึ่ง ถึงมีคำแนะนำให้เข้าลงทุนหุ้น ESSO มาโดยตลอด โดยมองว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้จะออกมาดี
พร้อมกับให้ไปดูว่า มีนักลงทุนรายใหญ่ หรือระดับวีไอพีคนไหน เทรดหุ้นอยู่กับโบรกฯ แห่งนั้นหรือไม่
เมื่อตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีอดีตภรรยาของอดีตนักการเมืองท่านหนึ่ง ซื้อขายหุ้นผ่านโบรกฯ นี้อยู่ แต่ก็ไม่ได้รับการยืนยันว่า จะมีความเกี่ยวเนื่องกับราคาที่เคลื่อนไหวผิดปกหรือไม่
เวลามีหุ้นเคลื่อนไหวแบบนี้
ก็มักจะถูกตั้งข้อสงสัยไปต่างๆ แบบนี้
สมมุติว่า การขายหุ้นเอสโซ่เป็นเรื่องจริง ก็น่าจะมีคน “ใช้ข้อมูลภายใน” เข้ามาปล่อยข่าว
หรือหากไม่จริง ก็ต้องมีคนมา “ปล่อยข่าว” (ลือ) เช่นกัน
ส่วนตัวนั้นเชื่อว่า ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงาน ก.ล.ต. น่าจะจับตาดูอยู่ และอาจจะพอมีข้อมูลอะไรบ้างล่ะ
ไม่น่าเกินความสามารถของทั้งสองหน่วยงาน