โบรกมองส่งออก “อาหารสัตว์เลี้ยง” ก.ค.ฟื้น ชู TU เด่น

โบรกมองส่งออกอาหารสัตวเลี้ยงและอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเดือน ก.ค. ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 2% ชู TU เป็นหุ้นเด่น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท ลุ้นครึ่งปีหลังรับสินค้าคงคลังคลี่คลาย รวมถึงต้นทุนปรับตัวดีขึ้น ดันกำไรโตแกร่ง


บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการส่งออกอาหารสัตวเลี้ยงและอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเดือนกรกฎาคม โดยรวมทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนทีผ่านมา โดยหลังจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยตัวเลขส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 212 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และตัวเลขงวดเดือน 7 ปี 2566 อยู่ที่ 1,364 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 284 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 1% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และตัวเลขงวด 7 เดือนปี 2566 อยู่ที่ 1,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ มีมุมมองเป็นกลางจากตัวเลขเดือนกรกฎาคม โดยรวมทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาตามคาด โดยส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และฟื้นเป็นเดือนที่ 3 เป็นไปตามปัญหาการขจัดสินค้าคงคลังทยอยคลี่คลาย จากการทยอยกลับมาเติมสต็อกสินค้าของลูกค้า global brands ตามรอบอายุผลิตภัณฑ์

ขณะที่ส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปที่อ่อนตัวเล็กน้อยคาดเป็นผลกระทบจากราคาวัตถุดิบยังทรงตัวสูง โดยเฉพาะทูน่า ทั้งนี้เราประเมินแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2566 จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีก่อนที่ผ่านมา หนุนโดยสถานการณ์รายการสินค้า ของลูกค้าปรับตัวดีขึ้นและราคาวัตถุดิบมีโอกาสอ่อนตัวลง ซึ่งล่าสุดราคาทูน่าเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ USD1,900/ton ลดลง 5% จากไตรมาส 2/2566 เฉลี่ยที่ USD2,000/ton โดยมองว่าราคามีโอกาสปรับตัวลงมากขึ้นในไตรมาส 4/2566 หลังผ่านช่วงห้ามจับปลาโดยใช้อุปกรณ์รวมตัวปลา (FAD ban)

สำหรับกลุ่ม Pet Food เราคงน้ำหนัก “Neutral” และไม่มี Top pick โดยคงมุมมองระมัดระวังจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ผลการดำเนินงานอาจใช้เวลาฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกตินานกว่าคาด โดยคาดว่า บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU น่าจะได้รับประโยชน์จากดังกล่าว ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท อิง SOTP จากผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว โดยไตรมาส 2/2566 ฟื้นตัวเด่นสะท้อนความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนได้ดีขึ้นแม้ต้นทุนทูน่าทรงตัวสูง ขณะที่กำไรปกติครึ่งหลังของปี 2566 จะขยายตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีก่อน ด้าน valuation ปัจจุบัน TU เทรดที่ค่า PER เพียง 13 เท่าในปี 2566 เทียบกับกลุ่ม Pet Food ที่ 25 เท่า

ทั้งนี้ ทางฝ่ายวิจัยปรับกำไรปกติปี 2566 ขึ้นเพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 2/2566 ดีกว่าคาดมาก และแนวโน้มครึ่งหลังของปี 2566 ฟื้นตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีก่อน โดยปรับกำไรปกติปี 2566 ขึ้น 22% เป็น 4.7 พันล้านบาท ลดลง 30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพื่อสะท้อนกำไรปกติไตรมาส 2/2566 ดีกว่าคาดมาก โดยเฉพาะธุรกิจ Ambient seafood ที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาดทั้งปริมาณขายและอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) แม้ต้นทุนทูน่าจะอยู่ในระดับสูง

สำหรับครึ่งหลังของปี 2566 เบื้องต้นเราประเมินกำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบครึ่งปีก่อน หนุนโดย 1) สถานการณ์การขจัดสินค้าคงคลังคลี่คลายขึ้น และ GPM ปรับตัวดีขึ้น เป็นไปตามการฟื้นตัวของยอดขาย การส่งผ่านต้นทุนได้ดีขึ้นจากการปรับราคาขาย และอานิสงส์จากราคากุ้งทรงตัวต่ำอยู่ที่ 30% ของต้นทุนวัตถุดิบ อีกทั้งการทยอยเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์บางส่วนของโรงงานผลิตอาหารพร้อมรับประทานและโรงงานผลิตโปรตีนไฮโดรไลเซตและคอลลาเจนเปปไทด์ในไตรมาส 3/2566

Back to top button