
ททท. เปิดตัวเลข 4 เดือนแรกปี 68 ต่างชาติเที่ยวไทย ทะลุ 11.3 ล้านคน
ททท. เผย 4 เดือนแรกปี 68 นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยทะลุ 11.3 ล้านคน เดินหน้ารุกตลาดระยะไกลทดแทนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง หนุนเป้ารายได้ 2.23 ล้านล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 เม.ย. 68) นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลสถิติของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 21 เม.ย. 68 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศแล้ว จำนวน 11,350,463 คน
โดยภาพรวมพบว่า ตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกลมีการขยายตัวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ทั้งจากตลาดหลักและตลาดศักยภาพใหม่ ดังนี้
- อิสราเอล 131,958 คน เพิ่มขึ้น 97.43%
 - อิตาลี 114,808 คน เพิ่มขึ้น 28.6%
 - ฝรั่งเศส 364,262 คน เพิ่มขึ้น 22.65%
 - สหราชอาณาจักร 423,324 คน เพิ่มขึ้น 20.61%
 - เนเธอร์แลนด์ 94,074 คน เพิ่มขึ้น 17.88%
 - สเปน 52,629 คน เพิ่มขึ้น 17.75%
 - ออสเตรเลีย 255,420 คน เพิ่มขึ้น 16.85%
 - รัสเซีย 839,463 คน เพิ่มขึ้น 15.41%
 - ซาอุดีอาระเบีย 43,356 คน เพิ่มขึ้น 15.26%
 - เยอรมนี 407,378 คน เพิ่มขึ้น 13.14%
 - สหรัฐอเมริกา 379,472 คน เพิ่มขึ้น 12.83%
 
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตคือการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินจากต่างประเทศ ภายใต้กลยุทธ์ Airline Focus ที่ ททท. ดำเนินการร่วมกับสายการบินระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มความถี่และเปิดเส้นทางบินใหม่มายังประเทศไทย ทั้งจากเมืองหลักและเมืองรองในต่างประเทศ
สายการบินหลายแห่งจากยุโรปได้เพิ่มเที่ยวบินตรงมายังไทยในช่วงปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 เช่น Alitalia (อิตาลี – กรุงเทพฯ), Condor (แฟรงก์เฟิร์ต – กรุงเทพฯ และภูเก็ต), Evelop Airline S.L. (มาดริด – กรุงเทพฯ), Air Calédonie International (ปารีส – กรุงเทพฯ), Iberojet (มาดริด – กรุงเทพฯ) และ Norse Atlantic Airways (ลอนดอน – แกตวิก – กรุงเทพฯ)
ขณะเดียวกัน แนวโน้มการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า (Forward Booking) ในช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายนจากตลาดระยะไกลยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากประเทศ สหราชอาณาจักร, อิตาลี, สเปน, อิสราเอล และรัสเซีย
ททท. จึงเร่งปรับกลยุทธ์การดึงนักท่องเที่ยวจากตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง และเป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อมาชดเชยนักท่องเที่ยวตลาดจีนที่มีแนวโน้มหดตัวลงในปีนี้ โดยเน้นการเพิ่มจำนวนของตลาด Quality Leisure, Family และ Incentive ในตลาดระยะไกล 15 ประเทศ ได้แก่
- ยุโรป: อังกฤษ, เยอรมนี, อิตาลี, อิสราเอล, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, นอร์เวย์, ออสเตรีย
 - อเมริกา: อาร์เจนตินา, บราซิล
 - โอเชียเนีย: ออสเตรเลีย
 - ตะวันออกกลาง: ซาอุดีอาระเบีย, คูเวต
 - แอฟริกา: แอฟริกาใต้
 
และกลุ่มตลาดระยะใกล้ 9 ตลาด ได้แก่ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, อินเดีย และศรีลังกา
ทั้งนี้ ททท. เร่งการขยายการเติบโตของกลุ่ม High Value Traveller ซึ่งมีการใช้จ่ายสูงในกลุ่มเฉพาะ เช่น
- Health & Wellness: นวดแผนไทย, สปา, โยคะ, อาหารสุขภาพ และโปรแกรมดูแลสุขภาพต่าง ๆ
 - Yacht / Super Yacht สำหรับกลุ่มยุโรป, ออสเตรเลีย และเอเชียแปซิฟิก
 - Sport & Entertainment: กอล์ฟ, มาราธอน, วิ่งเทรล, มวยไทย, ดำน้ำ, จักรยาน
 - Digital Nomad และ Workation โดยมีเมืองยอดนิยม ได้แก่ เชียงใหม่, กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, สมุย, หัวหิน และกระบี่
 
นอกจากนี้ ททท. ยังใช้จุดแข็งด้านวัฒนธรรมและซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ภายใต้แคมเปญ Grand Festivity และ Thailand Summer Festivals เพื่อกระตุ้นการเดินทางและกระจายตัวไปยังจังหวัดหลักและจังหวัดรอง
กิจกรรมเด่นที่เตรียมจัดตลอดปี ได้แก่
- ดนตรี EDC, Wonderfruit, Big Mountain, ปลาร้าหมอลำ
 - กีฬา UTMB, Regatta, WGP#1, FIVB, SEA Games
 - ศิลปะ Na Satta, International Fireworks Festival
 - วัฒนธรรมและอาหาร Amazing Thailand Grand Taste
 
โดยจะสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์แบบ 360 องศา เพื่อสร้างการรับรู้และทำให้ประเทศไทยเป็น Top of Mind สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ทั้งนี้ ททท. ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39 ล้านคน และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ 2.23 ล้านล้านบาท ภายในปี 2568
				
