
1,200 จุด! ไปต่อได้ไหม?
บอกแล้วว่ารอบนี้มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะกลับมายืนเหนือ 1,200 จุดได้ เพราะมันอยู่แค่หน้าปากซอยเท่านั้น แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
บอกแล้วว่ารอบนี้มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะกลับมายืนเหนือ 1,200 จุดได้ เพราะมันอยู่แค่หน้าปากซอยเท่านั้น
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
วานนี้ดัชนีหุ้นไทยปิดบวก 32.41 จุด ขึ้นมาที่ 1,220 จุด และเป็นการปิดในระดับสูงสุดของวัน
ดัชนีที่วิ่งขึ้นมาอย่างร้อนแรง มาพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 53,984 ล้านบาท ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติ และสถาบันจับมือกันซื้อ ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เห็นมานานแล้ว
หุ้นที่วิ่งขึ้นมาร้อนแรงพร้อมกับวอลุ่มที่หนาแน่น
ว่ากันว่านี่คือสัญญาณที่ดีของการกลับตัวสู่ “ขาขึ้น”
ส่วนปัจจัยหลักที่เข้ามาหนุนหุ้นไทยวานนี้ (รวมถึงตลาดหุ้นเอเชีย) คือ การเจรจากันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีความคืบหน้า
เพราะจากข่าวที่ออกมา ทั้งสองฝ่ายจะนัดจับเข่าคุยกันในปลายสัปดาห์นี้ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ประเด็นเรื่องหารือทางการค้าครั้งนี้ ทางกลุ่มนักลงทุนต่างชาติน่าจะเริ่มรับรู้มากันก่อนหน้านี้แล้ว เห็นได้จากในช่วง 14 วันทำการ ต่างชาติซื้อหุ้นไทยมากกว่าขาย
และทำให้ล่าสุด (รวมวานนี้) มียอดซื้อสุทธิแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท
เงินต่างชาติที่ไหลออกจากสหรัฐฯ ไม่ได้เข้าเพียงแค่ตลาดหุ้นไทย
ทว่ายังเข้าตลาดหุ้นเอเชียในหลายแห่งด้วย
นอกเหนือจากความคืบหน้าเจรจาการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจแล้ว
ยังมาจากทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านนโยบายการเงิน ทั้งลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 7 วันลง 0.10% หรือ จาก 1.5% ลงมาอยู่ที่ 1.4%
ไม่เพียงเท่านั้น เพราะทางธนาคารกลางจีนยังลดสัดส่วนเงินสำรองขั้นต่ำของธนาคารพาณิชย์ลง 0.50% ส่งผลให้มีสภาพคล่องเพิ่มเติมในระบบอีก 1 ล้านล้านหยวน (ราว 4.5 ล้านล้านบาท)
ด้านปัจจัยภายในประเทศเอง ดูเหมือนว่า เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี คือประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเช่นกัน
แต่ล่าสุด ความร่วมมือกับระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ถูกฟันธงว่า จะยังดำเนินต่อไป
ทำให้มีความหวังมากขึ้นเกี่ยวกับโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ
นักวิเคราะห์ต่างมองว่า แม้เงินที่เข้ามารอบนี้อาจจะยัง “ไม่เสถียร” มากนัก
เพราะเงินที่ไหลออกจากสหรัฐฯ เข้ามาทางเอเชียและไทย ส่วนใหญ่จะเข้าไปยัง “ตลาดตราสารหนี้” เป็นหลัก ส่วน “ตราสารทุน” หรือตลาดหุ้นยังมีสัดส่วนน้อย
แต่ยังมีความคาดหวังว่า หากมีความคืบหน้าหน้าเรื่องสหรัฐฯ กับจีน
เงินที่ไปพักไว้ในตราสารหนี้ อาจจะค่อย ๆ ทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
แต่ก็มีการทำ scenario ไว้กรณีที่สหรัฐฯ และจีนไม่บรรลุข้อตกลงกัน (ซึ่งโอกาสน้อยมากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้) โดยหุ้นไทยไม่น่าจะลงไปต่ำกว่า 1,060 จุดนั่นแหละ
แต่ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า การเจรจา น่าจะออกมาในเชิงบวกมากว่าปัจจุบัน
หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่าย อาจถอยกันออกมาบ้าง 1-2 ก้าว ซึ่งย่อมส่งผลดีต่อตลาดหุ้น
ดังนั้น สถานการณ์ที่เริ่มดีขึ้น หุ้นไทย จึงไม่ควรจะลงไปต่ำกว่า 1,200 จุด อีกครั้ง
ส่วนโอกาสที่จะเดินหน้าไปที่ระดับ 1,250 จุด นั้น ถือว่าพอมีโอกาส แต่ในระยะสั้น ยังไม่น่าจะผ่าน 1,300 จุด ขึ้นไปได้ จนกว่าการเจรจาจะมีความชัดเจน และรวมถึงการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ด้วย
ระหว่างนี้ โบรกฯ ส่วนใหญ่ ยังแนะนำกลุ่มหุ้น Domestic play หรือกลุ่ม Defensive
และรวมถึงงบการเงินงวดไตรมาส 1/2568 ออกมาเติบโต เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า
หรือหุ้นที่เขามีปัจจัยบวกแบบเฉพาะตัว
กลับมาสู่คำถามที่ว่า เมื่อดัชนียืนเหนือ 1,200 จุด แล้ว จะไปต่อได้ไหม
โอกาสที่จะไปต่อนั้น มีมากกว่าที่จะกลับไปหลุด 1,200 จุด
ธนะชัย ณ นคร