JAS จุดเริ่มกำไร Jump

หลายคนรู้ดีว่า เดิมที JAS ของ “เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก” มีธุรกิจเน็ตบ้านที่ดำเนินการภายใต้ 3BB แล JASIF เป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้และกำไรเป็นกอบเป็นกำ


หลายคนรู้ดีว่า เดิมทีบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ของ “เสี่ยพิชญ์ โพธารามิก” มีธุรกิจเน็ตบ้านที่ดำเนินการภายใต้บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB (3BB) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เป็น Core Business หรือธุรกิจหลักที่สร้างรายได้และกำไรเป็นกอบเป็นกำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา…

แต่หลังจากโละขาย 3BB และ JASIF ให้กับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ไปแล้ว ก็ทำให้ JAS มีสถานะไม่ต่างจาก Paper Company หรือบริษัทกระดาษไปโดยปริยาย…

ตอนนั้นก็มีความเป็นห่วงเป็นใยว่า JAS จะกลับมายังไง..?? จะมีอะไรมาทดแทน..??

เพราะแม้จะเหลือธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตทีวี ผ่านบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท ทรี บีบี ทีวี จำกัด (3BB TV), ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ อาคารจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล ทาวเวอร์ ผ่านบริษัท พรีเมียม แอสเซท จำกัด (PA) และเงินลงทุนในบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS แต่กำไรไม่ได้มากมายอะไร…

ส่วนบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO แค่เกี่ยวดองกันจากการมีผู้ถือหุ้นใหญ่คนเดียวกัน นั่นคือ “เสี่ยพิชญ์” แต่ JAS ไม่ได้ถือหุ้น MONO โดยตรงนะจิบอกให้…

ขณะที่ ก่อนหน้านี้มีการขยับขยายไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะมาชดเชย 3BB ได้อ๊ะป่าว..??

ซึ่งย้อนดูในงบการเงิน จะเห็นว่าในไตรมาส 1/2567 JAS มีกำไรจากการขายสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลแค่เพียง 27 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 4/2567 เพิ่มเป็น 70 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1/2568 กลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีกำไรจากการขายสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลอยู่ที่ 260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 863% ส่วนรายได้จากการขายและบริการลดลง 8% อยู่ที่ 797 ล้านบาท

เลยเป็นที่มาให้ในไตรมาส 1/2568 กำไรเบ่งขึ้นมาแตะที่ 176 ล้านบาท เติบโต 6 เท่า หรือเติบโต 604% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท

แล้วรู้ยังว่าตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป JAS จะเริ่มรับรู้รายได้จากการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ อังกฤษ สำหรับฤดูกาล 2025/26 แล้วนะ ซึ่งได้รับสิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity right) จาก The Football Association Premier League Limited หรือ FAPL ในประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา

ถือเป็นเรือธงใหม่ที่ JAS คาดหวังไว้เยอะ และถูกตลาดฯ คาดหวังไว้สูงว่าจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ…

ขณะที่ ล่าสุด JAS จับมือ ADVANC ในการเป็น Strategic Partnership นำคอนเทนต์กีฬาฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ มาสตรีมมิ่งในแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง AIS PLAY และ Monomax ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า JAS และ MONO จะมีรายได้จากสปอนเซอร์โดยตรงจาก AIS ประมาณปีละ 1,000 ล้านบาท

เพิ่มเติมจากรายได้ค่าสมาชิกปกติ ซึ่งมีการประเมินว่าจะมีคนไทยที่ยินดีจ่ายเงินค่าบริการราว 3.6 ล้านคน นั่นแปลว่าหากตั้งราคาแพ็กเกจที่ 329 บาทต่อเดือน และได้สมาชิกที่สมัครจ่ายเงินรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลจำนวน 3 ล้านคน จะทำให้ JAS มีรายได้จากค่าแพ็กเกจต่อสมาชิก 1 รายอยู่ที่ 329 บาทต่อเดือน

เมื่อดีดลูกคิดดูจะทำให้ JAS มีรายได้ต่อปีอยู่ที่ประมาณ 11,844 ล้านบาท ในขณะที่ Monomax จะได้ค่าตอบแทนจาก JAS เป็นค่าบริการรายเดือนในอัตรา 50 บาทต่อบัญชี

ถ้าเป็นไปตามนี้ คงได้เห็นหุ้น JAS กลับมาป่วนตลาดฯ อีกแหง ๆ…

ที่แน่ ๆ จากงบไตรมาส 1/2568 ถือเป็นจุดเริ่มต้นว่ากำไร JAS เริ่มกลับมาแล้ว

ส่วนกำไรจะ Jump หรือเปล่า..?? พิสูจน์ทราบได้จากงบในช่วงครึ่งปีหลัง หรือตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป…

จะว่าไป JAS เป็นหุ้นที่ฆ่าไม่ตายนะเนี่ย…ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับชายที่ชื่อ “พิชญ์ โพธารามิก” แล้วล่ะที่มีกลเม็ดเด็ดพรายชุบชีวิตให้ JAS มีสีสันได้ตลอด ๆ ๆ…

หรือใครจะเถียง…

…อิ อิ อิ…

Back to top button