
MINT บวก 4% โบรกชี้กำไร Q2 พีก รับไฮซีซั่น “ยุโรป” เคาะเป้า 34 บาท
MINT วิ่งเกือบ 4% โบรกคาดกำไรไตรมาส 2/68 พีกสุดของปี ตอบรับไฮซีซั่น “ยุโรป” พร้อมคงกำไรปีนี้โต 10% จากปีก่อน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 พ.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ณ เวลา 10:35 น. อยู่ที่ระดับ 25 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 3.73% สูงสุดที่ระดับ 25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141.82 ล้านบาท
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น MINT ให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 34.00 บาท โดยมองว่าภาพรวมจากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดยังสอดคล้องกับประมาณการเดิม และเป้าหมายการเติบโตยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ขณะที่ฝ่ายบริหารยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในช่วงปี 2567–2569 ที่อัตราเฉลี่ยแบบ CAGR ในระดับสูงเลขหลักเดียว (High-single digit) ซึ่งฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 5% ขณะที่กำไรคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 15-20% CAGR โดยคาดไว้ที่ 15% จากการฟื้นตัวของยอดจองห้องพัก (Booking) ที่ยังแข็งแกร่ง ประกอบกับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าบริการ (Tariff) จะอยู่ในวงจำกัด เนื่องจาก MINT มุ่งเน้นตลาดโรงแรมระดับหรู (Luxury) และลูกค้าในยุโรปส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวภายในภูมิภาค (Intra-European) กว่า 70%
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดงบลงทุน (CAPEX) เหลือ 6,600 ล้านบาท จากเดิม 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงด้านการเงินในอนาคตและอาจทำให้ภาระดอกเบี้ยลดลงเร็วกว่าคาด สำหรับแนวโน้มการเติบโตด้าน RevPAR (รายได้ต่อห้องพัก) ยังคงเป็นบวก โดยในยุโรปเดือนเมษายน 2568 โตในระดับ Low-single digit และเดือนพฤษภาคมเติบโต Mid-single digit ส่วนประเทศไทยเดือนเมษายนโต High-single digit และมัลดีฟส์เดือนเดียวกันโตถึงระดับสองหลัก (Double digit) อย่างไรก็ตาม SSSG (ยอดขายสาขาเดิม) ในไทยลดลงเล็กน้อยที่ -2% ถึง -3% จากสภาพอากาศที่มีฝนตกเร็วกว่าคาด แต่กลับมาเป็นบวกในเดือนพฤษภาคม
อย่างไรก็ตาม คงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ระดับ 9,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า โดยคาดว่ากำไรจะทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 2/2568 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของยุโรป และน่าจะเติบโตได้ทั้งเทียบปีต่อปี (YoY) และไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ)
ด้านราคาหุ้น MINT ปรับตัวขึ้น 8% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่า outperform เทียบกับกลุ่มโรงแรมอื่นในตลาด ได้แก่ ERW ที่ปรับลดลง -32%, CENTEL -24% และ SHR -10% โดยเฉพาะการที่ MINT ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนลดลงน้อยกว่ากลุ่มคู่แข่ง ขณะที่มูลค่าหุ้น (Valuation) ยังถือว่าต่ำ โดยซื้อขายที่ระดับ EV/EBITDA ปี 2568 ที่ 8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีถึง -2SD และยังต่ำกว่า ERW และ CENTEL ซึ่งซื้อขายใกล้ระดับค่าเฉลี่ย