เดลต้า-กัลฟ์ฯ ผู้มีอิทธิพลต่อดัชนี

วานนี้หุ้นเดลต้าฯ DELTA มีส่วนต่อการ “ดันดัชนี” หุ้นไทย 3.53 จุด ส่วนกัลฟ์ฯ GULF มีส่วนต่อการ “กดดัชนีฯ” 1.2 จุด


วานนี้หุ้นเดลต้าฯ DELTA มีส่วนต่อการ “ดันดัชนี” หุ้นไทย 3.53 จุด

ส่วนกัลฟ์ฯ GULF มีส่วนต่อการ “กดดัชนีฯ” 1.2 จุด

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ตลาดหุ้นไทยนั้น ทั้งเดลต้าฯ และ กัลฟ์ฯ ต่างมีอิทธิพลต่อดัชนีอย่างมาก

หากวันไหนดัชนีจะขึ้นหรือจะลง ให้หันกลับมามองทั้งสองหุ้นนี้เป็นหลักเลย

เดลต้าฯ หากดูจากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 23 พ.ค. 2568 อยู่ที่ 108.00 บาท ณ วันนั้น มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดฯ หรือมาร์เก็ตแคปอยู่ที่  1,347,172 ล้านบาท

ล่าสุดวานนี้เดลต้าฯ ปิด 111.50 บาท +3.50 บาท เปลี่ยนแปลง +3.24%

ส่งผลให้มาร์เก็ตแคปเดลต้าฯ ขึ้นมาอยู่ประมาณ  1.39 ล้านล้านบาท และยังคงเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด

ส่วนกัลฟ์ฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 717,112 ล้านบาท ขณะที่วานนี้ราคาหุ้นปิดลดลง 1.00 บาท มาที่ 47.00 บาท เปลี่ยนแปลง -2.08%

ทำให้มาร์เก็ตแคป ณ ราคาปิดวานนี้ลงมาอยู่ที่ 7.02 แสนล้านบาท และเป็นหุ้นที่ขนาดมาร์เก็ตแคปอันดับ 4

ส่วนหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปอันดับ 2 ยังคงเป็น บมจ.ปตท. หรือ PTT ประมาณ 8.64 แสนล้านบาท

อันดับ 3 คือ บมจ.แอดวานซ์ฯ ADVANC ณ ราคาปิดวานนี้อยู่ที่ 8.74 แสนล้านบาท

ประเด็นที่น่าสนใจของหุ้นเดลต้าฯ และกัลฟ์ฯ วานนี้คือ หุ้นเดลต้าฯ มีราคาเคลื่อนไหวระหว่างวันรอยู่ในกรอบแคบ ระหว่าง 105.50–109.00 บาท

แต่ในช่วงเวลา 16.00 น. เป็นต้นมา ราคาหุ้นเดลต้าฯ ค่อย ๆ ขยับขึ้นมาเรื่อย

แล้วมาปิดขึ้นแรงในช่วงก่อน ATC เล็กน้อย จนมาปิดตลาด 11.50 บาท +3.50 บาท พร้อมกับดันมูลค่าการซื้อขายขึ้นมาอันดับ 1 ทำให้ดัชนีหุ้นไทย ที่อยู่ในแดนลบเกือบทั้งวัน ขึ้นมาเป็นในแดนบวกได้ ด้วยการ +2.07 จุด มาที่ 1,178.43 จุด

จะว่าไปแล้วฯ ช่วงนี้ยังไม่ได้มีปัจจัยหนุนหุ้นเดลต้าฯ อย่างมีนัยสำคัญอะไรเลย

ราคาเดลต้าฯ ที่ขึ้นมาก่อนช่วง ATC เล็กน้อย จึงน่าจะเป็นความต้องการของกลุ่มนักลงทุนที่ใช้เดลต้าฯ มาเป็นเครื่องมือในการดันดัชนี เพื่อปิดในแดนบวก ที่น่าจะมีนัยฯ ต่อตลาดอนุพันธ์ ที่อาจจะมีการปิดสถานะก่อนปลายเดือนพ.ค.นี้

หรือไม่ก็เป็นเชิงจิตวิทยาต่อภาพรวมตลาดหุ้น

ส่วนกลุ่มนักลงทุนที่มีพลัง “ขับเคลื่อน” ราคาหุ้นเดลต้าฯ ได้นั้น

มีเพียงนักลงทุนรายใหญ่ (ต่างชาติ) และบรรดากองทุนเท่านั้น เพราะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อการดึงราคาขึ้นมา

บิ๊กแคปฯ แบบเดลต้าฯ นั้น นักลงทุนรายย่อยทำไม่ได้แน่นอน

ส่วนหุ้นกัลฟ์ฯ ที่ลงวานนี้ มาจากข่าวกรณี “การไฟฟ้าเวียดนาม” (EVN) ปรับลดราคารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในกลุ่มที่เซ็น PPA และ COD ในโครงการที่ค่าไฟอยู่ในกรอบ 9.35 US Cent ลงมาเป็น 7 US Cent

จากข่าวล่าสุด เห็นว่า กัลฟ์ฯ ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก

หรือหากรับผลลบจริง ๆ ก็น่าจะมีผลน้อยสุดเมื่อเทียบกับบรรดาผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าทั้งหมด

แต่ราคาหุ้นกัลฟ์ฯ กลับร่วงลงมาแรงหรือมากสุด จนมีส่วนสำคัญต่อการกดดัชนีฯ วานนี้ถึง 1.2 จุด

หุ้นกัลฟ์ฯ ลงมาที่แนวรับทางเทคนิคพอดี 46.75 บาท ถือเป็นแนวรับที่ค่อนข้างมีวินัย เพราะมีแรงเข้ามารับซื้อพอสมควร ก่อนจะถูกดันขึ้นมาปิด 47.00 บาท

วันนี้มีโอกาสที่ราคาหุ้นกัลฟ์จะดีดกลับได้ หลังจากวานนี้ ร่วงแล้วไม่ได้หลุดแนวรับ

อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ กรอบในการเล่นหุ้นกัลฟ์ฯ จะอยู่ระหว่าง (แนวรับ) 46.75 บาท และ (แนวต้าน) 50.50 บาท

ส่วนราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวในกรอบดังกล่าวอยู่นานแค่ไหน คงยากที่จะประเมิน เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหนุนที่เป็นปัจจัยบวก (ลบ) เฉพาะตัว และภาพรวมของเศรษฐกิจด้วย

มีคำถามว่า แล้วหากราคาหุ้นกัลฟ์ หลุดแนวรับ 46.75 บาท ล่ะ?

คำตอบคือ แนวรับถัดไปจะอยู่บริเวณ  45.25–44.50 บาท

แต่ส่วนตัวเชื่อว่า วานนี้หุ้นกัลฟ์ฯ ที่ลงมาน่าจะ “แพนิก” เกินเหตุ

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button