AOT กองทุน(จ่อ)ขายอีก

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาหุ้นวานนี้ร่วงลงมาอีก  2.50 บาท ปิด 27.25 บาท เปลี่ยนแปลง -8.40% และมีมูลค่าการซื้อขาย 4,189 ล้านบาท


บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาหุ้นวานนี้ร่วงลงมาอีก  2.50 บาท ปิด 27.25 บาท เปลี่ยนแปลง -8.40% และมีมูลค่าการซื้อขาย 4,189 ล้านบาท

หากย้อนหลังไปราว ๆ 1 ปี

ขณะนั้นราคาหุ้นตัวนี้เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 70.00 บาท +/- เล็กน้อย

ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเพียง 1 ปี หุ้น AOT กลับลงมาเหลือเพียง 27.00-28.00 บาท ปรับลดลงมาถึง 60%

ในช่วง 5 ปีย้อนหลัง หุ้น AOT เคยเผชิญกับปัญหาโควิด-19 ทำให้จำนวนเที่ยวบิน และการเดินทางของนักท่องเที่ยววูบลงอย่างหนัก เช่นเดียวกับราคาหุ้น AOT ที่ลงมาตามเช่นกัน

ทว่า ณ ขณะนั้น ราคาหุ้นดังกล่าว ได้ดีดกลับขึ้นอย่างรวดเร็ว

นั่นเพราะถูกมองว่า AOT มีรูปแบบธุรกิจที่ “ผูกขาด” หรือ Monopoly  และเชื่อมั่นว่า ถึงที่สุดแล้ว เดี๋ยวก็ฟื้นตัว

นั่นจึงทำให้นักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกองทุนต่าง ๆ ที่เคยปรับพอร์ตหุ้น AOT ออกไป รีบซื้อกลับ และช่วยดันราคาหุ้นกลับขึ้นมาได้ในระดับเดิม

มาร์เก็ตแคปของ AOT ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1 ล้านล้านบาท เคยเป็นตัวเลขระดับสูงสุดบนกระดานหุ้น

และทำให้มีส่วนสำคัญของการเคลื่อนไหวของดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ ถูกมองว่าคือหุ้นที่เป็น “เสาหลัก” ของตลาดหุ้นไทยอีกหุ้น

ส่วนราคาปิดวานนี้ของหุ้น AOT ที่ระดับ 27.25 บาท

ทำให้มาร์เก็ตแคปของหุ้น AOT ลงมาเหลือ 3.9 แสนล้านบาทเท่านั้นในช่วงเวลาไม่นานนัก

การทิ้งหุ้น AOT ของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน มาจากปัญหาเรื่องรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน ในส่วนของพื้นที่ให้เช่า จากกลุ่มกลุ่มคิง เพาเวอร์ และล่าสุดคือ กลุ่ม คิง เพาเวอร์ ต้องการหารือถึงสัมปทานจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่

กลุ่ม คิง เพาเวอร์ ขอหารือกับกับ AOT ครั้งนี้ แจงเหตุผลถึงปัญหามาจาก

  • การหยุดดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าจากนโยบายภาครัฐ
  • การลดภาษีสินค้าประเภทไวน์อันส่งผลกระทบ ต่อยอดจำหน่ายภายในร้านค้าปลอดอากร
  • การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของ AOT
  • การขาดมาตรการเชิงรุก ของภาครัฐในการบริหารจัดการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวส่งผลต่อการลดลงของนักท่องเที่ยวชาวจีน
  • สถานการณ์ภายในประเทศไทยที่ส่งผลทางลบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและจำนวนผู้โดยสาร สถานการณ์แพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
  • สถานการณ์สงครามและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

หากอ้างอิงข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ล่าสุดของ AOT ในช่วงไตรมาส 2/2568 (ม.ค.-มี.ค.)

แม้รายได้ของ AOT เกี่ยวกับธุรกิจการบินจะเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน กลับลดลง 14% และส่วนแบ่งรายได้ปลอดภาษีลดลงถึง 19% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ขณะที่รายได้ของ AOT ประมาณ 33% มาจากสัญญาเช่าของคิงเพาเวอร์

บทวิเคราะห์จากหลายโบรกเกอร์เริ่มปรับคำแนะนำเกี่ยวกับหุ้น AOT จากส่วนใหญ่ที่แนะนำ “ซื้อ” มาเป็น “ถือ” และให้ “ขาย” พร้อมกับปรับราคาเป้าหมายลงมาอีก

ล่าสุด หลังมีข่าวเรื่องกลุ่มคิง เพาเวอร์ ขอหารือเรื่องสัญญา

ผลปรากฏว่า มี 5 โบรกเกอร์ที่วิเคราะห์หุ้น AOT ออกมา ด้วยการลดราคาเป้าหมายลงมาอีก 

หรือมาอยู่ระหว่าง 25-31 บาท ต่อหุ้น

มีการวิเคราะห์ด้วยการไม่เชื่อว่า AOT จะแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่เช่าให้จบได้ภายในสองเดือนข้างหน้า เพราะการประมูลสัมปทานเมื่อปี 2562 ยังใช้เวลามากถึง 5-6 เดือน

ประกอบกับเงื่อนไขราคาหรือผลประโยชน์ที่ AOT จะได้รับ มีแนวโน้มว่าจะต่ำกว่าเดิม

สถานการณ์แบบนี้ มีโอกาสที่นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนประเภทจะปรับพอร์ตด้วยการทยอยขายหุ้นออกมาอีก

และอาจจะคงเหลือกองทุนประเภท Active Fund ที่น่าจะยังต้องลงทุนอยู่บ้าง เพราะหุ้น AOT ยังอยู่ในดัชนี SET50

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button