โบรกชี้ “ตลาดรถมือสอง” ปี 68 สดใส ชู TIDLOR-SAK เด่นสุด

“บล.กสิกรไทย” คาดราคารถยนต์มือสองปี 68 ปรับขึ้น 5-10% หนุนความเชื่อมั่นกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ โดยเฉพาะ TIDLOR และ SAK ที่คาดโตสองหลัก ท่ามกลางความเสี่ยงจากเศรษฐกิจและราคารถ EV


บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด หรือ KS เปิดเผยบทวิเคราะห์ล่าสุด โดยประเมินว่าราคาของรถยนต์มือสองในปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 5-10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ราคาจะยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปี จากปัจจัยด้านอุปทานที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยจำนวนรถที่ถูกยึดและนำเข้าสู่การประมูลในช่วง 4 เดือนแรกของปีลดลงถึง 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องตลอดปี

ทั้งนี้ ประเภทรถยนต์ที่คาดว่าจะมีราคาสูงขึ้นได้แก่ รถกระบะและรถเก๋งขนาดใหญ่ ขณะที่อีโคคาร์มีแนวโน้มทรงตัว โดยมีความเสี่ยงสำคัญต่อภาพรวมตลาดคือ ราคาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่อาจปรับลดลง ซึ่งอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดรถยนต์มือสอง

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากฝั่งอุปสงค์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยคุณอนุชาติคาดว่าผู้ประกอบการสินเชื่อจะกลับมาปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อมากขึ้น เพื่อชะลอการหดตัวของพอร์ตสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม มาตรฐานการปล่อยสินเชื่อยังคงเข้มงวด เช่น การลดสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) แม้การแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยอาจลดความร้อนแรงลงบ้าง

ขณะที่กลุ่มรถบรรทุกยังคงมีแนวโน้มที่อ่อนแอ ทั้งในด้านความต้องการและราคา โดยคุณอนุชาติให้เหตุผลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ยังคงกระทบอำนาจซื้อ การค้าระหว่างประเทศ และกิจกรรมภาคก่อสร้าง โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ SME นอกจากนี้ ผู้ให้บริการสินเชื่อรถบรรทุกยังเลือกขยายอายุสัญญา แทนการยึดรถ เนื่องจากการขายรถที่ถูกยึดมักทำให้ขาดทุน 30-40%

โดย บล.กสิกรไทย ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อจำนำทะเบียน เช่น KKP, TISCO, MTC, TIDLOR และ SAK ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากราคาตลาดรถมือสองที่ปรับตัวขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงจากผลขาดทุนในกรณีต้องขายรถยึด อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงหลักยังคงเป็นทิศทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งอาจกระทบต่อการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ และคุณภาพสินทรัพย์

ทั้งนี้ บล.กสิกรไทยเลือก “TIDLOR” คำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 19.75 บาท และ “SAK” แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม เนื่องจากทั้งสองบริษัทตั้งเป้าเติบโตของพอร์ตสินเชื่อในระดับตัวเลขสองหลักต่อปี (YoY) ในปี 2568 และยังมีการบริหารความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ

ในด้านกลุ่มการเงินโดยรวม บล.กสิกรไทยมีมุมมองเป็นกลาง โดยมองเชิงบวกต่อผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ แต่ยังคงมุมมองเชิงลบต่อผู้ให้บริการสินเชื่อรถบรรทุกจากแนวโน้มอ่อนตัวของตลาด

Back to top button