
โบรกมอง THAI คัมแบ็กเทรด SET ดัน BBL-KTB ลดภาระสำรองหนี้-กำไรเพิ่ม
บล.ทิสโก้ มองบวก THAI กลับมาเทรด SET หนุนแบงก์ใหญ่ BBL-KTB รับอานิสงส์ทั้งการกลับรายการสำรองหนี้สูญบางส่วน (ECLs) และรับกำไรทางบัญชีจากการถือหุ้น หากราคาหุ้นปรับตัวขึ้น เสริมความยืดหยุ่นการเงินช่วงครึ่งหลังปี 2568
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์หลังเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เตรียมกลับเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อีกครั้ง โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมในการดำเนินมาตรการฟื้นฟูกิจการตั้งแต่ปี 2563
ในการประชุมนักวิเคราะห์ครั้งแรกของ THAI หลังเข้ากระบวนการฟื้นฟู ฝ่ายบริหารได้นำเสนอรายละเอียดของแผนการฟื้นฟูที่สร้างความแข็งแกร่งทั้งในโครงสร้างเงินทุน และผลการดำเนินงานที่กลับมาเป็นบวกอย่างโดดเด่น
ขณะที่ปีงบประมาณ 2567 การบินไทยมีรายได้รวมถึง 1.83 แสนล้านบาท สูงกว่าระดับปีงบประมาณ 2562 ที่ 1.81 แสนล้านบาท แม้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยในปี 2567 จะมีจำนวนเพียง 90% ของปี 2562 ก็ตาม
ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิหลักพุ่งแตะ 4.15 หมื่นล้านบาท พลิกจากขาดทุน 8.2 พันล้านบาทในปี 2562 โดยยังสานต่อความแข็งแกร่งมายังไตรมาสแรกของปี 2568 ด้วยกำไรสุทธิ 1.36 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนงบดุล การปรับโครงสร้างเงินทุนทำให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Interest-bearing Debt to Equity) ลดลงเหลือ 2.2 เท่า จาก 12.5 เท่าในปี 2562 ในขณะเดียวกัน บริษัทยังมีเงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดถึง 9.5 หมื่นล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 5.5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ มองว่า การกลับมาของการบินไทยในตลาดหุ้นครั้งนี้ จะส่งผลดีทางการเงินต่อสองสถาบันการเงินหลักคือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
ซึ่งในช่วงก่อนการฟื้นฟู BBL เป็นเจ้าหนี้เงินกู้แก่การบินไทยรวม 9.3 พันล้านบาท ส่วน KTB เป็นเจ้าหนี้เงินกู้แก่ 6.9 พันล้านบาท
โดยระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งสองธนาคารได้แปลงหนี้บางส่วน จำนวน 6.1 พันล้านบาท และ 3.4 พันล้านบาท ตามลำดับ เป็นหุ้นสามัญในอัตรา 2.5452 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้ BBL ถือหุ้นการบินไทย 2.4 พันล้านหุ้น (10.4%) ขณะที่ KTB ถือ 1.3 พันล้านหุ้น (5.7%)
แนวโน้มผลประโยชน์ต่อ BBL และ KTB จะเกิดขึ้นในสองช่องทางสำคัญ คือ 1.) การกลับรายการสำรองหนี้สูญเนื่องจากสินเชื่อที่ปล่อยให้การบินไทยถูกตั้งสำรองเต็มจำนวนไว้แล้ว การกลับมามีกำไรของการบินไทยจะเปิดช่องให้ BBL และ KTB กลับรายการสำรองหนี้สูญบางส่วน (Expected Credit Losses : ECLs) โดยแม้การบุ๊กกลับของทั้งสองธนาคารจะไม่แสดงในผลกำไรสุทธิ แต่รายการดังกล่าวจะช่วยเสริมความยืดหยุ่นในการจัดสรรสำรองในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอตัว
2.) กำไรจากการวัดมูลค่าหุ้น (FVTPL) หุ้นการบินไทยที่ถือครองโดยสองธนาคารจะถูกบันทึกเป็น Fair Value Through Profit (ขอ 5 พาดหัวข่าวประเด็นโบรกมองบวกต่อข่าว THAI กลับมาเทรด จะช่วยหนุนเจ้าหนี้อย่าง BBL และ KTB ครบ ตรงประเด็น ดึงดูดผู้อ่านข่าวหุ้น ตลาดทุนไทย สไตล์การเขียนข่าวหุ้นธุรกิจ)