
กลับมาไล่ซื้อ AOT-GULF
วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเกิดการ “พักตัว” เล็กน้อย ปิดตลาดลดลงไป 3.38 จุด มาที่ 1,157.63 จุด และมีมูลค่าการซื้อขาย 42,928 ล้านบาท
วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเกิดการ “พักตัว” เล็กน้อย
ปิดตลาดลดลงไป 3.38 จุด มาที่ 1,157.63 จุด และมีมูลค่าการซื้อขาย 42,928 ล้านบาท
การลดลงของดัชนีหุ้นไทยวานนี้ ถือว่าเป็นไปตามที่คาดกันไว้ หลังจากดัชนีวิ่งขึ้นมา 3 วันติดต่อกันรวมประมาณ 50-51 จุด และดัชนีที่ขึ้นมา กลับมาพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายที่มากกว่า 4 หมื่นล้านบาท (15-16 ก.ค.) จากที่ก่อนหน้านี้หลายวันมูลค่าซื้อขายจะอยู่ระหว่าง 2.5-3.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น
หุ้นไทยที่วิ่งขึ้นมา มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ
นั่นคือ นักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกองทุนต่าง ๆ กลับมาซื้อต่อเนื่อง 4 วันติดต่อกัน
หรือหากนับรวมเฉพาะต้นเดือนก.ค.เป็นต้นมาจนถึงวันที่ 16 ก.ค.หรือวานนี้นั้น
สถาบันซื้อรวมแล้วกว่า 6,962 ล้านบาท
เช่นเดียวกับนักลงทุนต่างประเทศหรือ “พี่หรั่ง” ได้เข้าซื้อหุ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยอาจจะมีบางวันสลับขายออกมาบ้าง เช่นเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ขายจำนวน 592 ล้านบาท
และเมื่อนับจากต้นเดือนก.ค.มาถึงวานนี้ (16 ก.ค.)
พี่หรั่งได้ซื้อสุทธิหุ้นไทยประมาณ 329 ล้านบาท
ปัจจุบันหุ้นไทยถูกมองว่ามีราคาค่อนข้างถูก และการที่ดัชนีลงมาตลอด ทำให้ถูกมองว่า ได้สะท้อนกับปัจจัยลบต่าง ๆ ไปหมดแล้ว
พี/อี ณ ปัจจุบัน หรือล่าสุดของหุ้นไทยอยู่ที่ 15.75 เท่า
ส่วน P/BV อยู่เพียง 1.10 เท่า
ขนาดที่ดัชนีวิ่งขึ้นมากว่า 50 จุด แต่ระดับ พีอี และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ หรือมีมูลค่าค่อนข้างถูกมากอยู่
ล่าสุด โบรกเกอร์ต่างประเทศอย่าง CLSA ได้อัพเป้าดัชนีหุ้นไทย พร้อมกับให้ดัชนีเป้าหมายสิ้นปี 2568 ไว้ที่ระดับ 1,275 จุด จากเดิม 1,120 จุด
ได้ด้านของสัญญาณทางเทคนิค
หากดูจากกราฟแล้ว มีโอกาสที่ดัชนีฯ น่าจะยังวิ่งขึ้นได้อีก (อาจมีบางวันถูกสลับขายออกมาบ้าง)
แนวต้านแรกอยู๋ที่ระดับ 1,178 จุด
และมีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,190 จุด
ส่วนระดับ 1,200 จุด เป็นแนวต้านระดับ “จิตวิทยา” ซึ่งในระยะสั้น น่าจะยังผ่านยาก เว้นแต่จะมีข่าวที่เป็นปัจจัยเชิงบวกช่วยหนุนดัชนีเข้ามา เช่น การเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ
หากตัวเลขการจัดเก็บภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าไทยออกมาดีกว่าที่คาดกันไว้
เช่น ต่ำกว่า 20% น่าจะทำให้หุ้นที่ส่งออก หรือเกี่ยวข้องดีดตัวแรงได้
และยังอาจร่วมประเด็นกรณีการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หากผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่มีแนวนโยบายใช้นโยบายการเงินแบบ “ผ่อนคลาย”
น่าจะเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นอีกแรงได้อย่างดีเช่นกัน
ส่วนกลุ่มหุ้นที่มีส่วนต่อการดันดัชนีขึ้นมาในรอบล่าสุด เช่น บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT ที่ราคาหุ้นถือว่า “พลิกนรก” จากที่ลงไปต่ำกว่า 30 บาท ล่าสุดขึ้นมาอยู่ที่ 36.25 บาท หรือในช่วง 1 เดือนราคาหุ้นมามากขึ้น 33%
ในช่วงสั้น AOT อาจเกิดการ “พักฐาน” ได้เช่นกัน
ต่อจากนั้น ราคายังอาจวิ่งขึ้นได้อีกมีแนวต้านถัดไป 39.50 บาท และหากผ่านขึ้นมาได้จะมีแนวต้านใหญ่ที่ระดับ 43.50 บาท แต่แนวต้านหลังจากนั้น อาจจะยังค่อนข้างไปถึงยากในช่วงระยะสั้นถึงกลาง
AOT น่าจะมีเรื่องการการถูก Cover short ด้วย
เช่นเดียวกับหุ้นกัลฟ์ หรือ GULF ที่ราคาวิ่งขึ้นกลับมายืนเหนือ 40 บาท หลังจากก่อนหน้าราคาลงไป 39 บาท
หรือในช่วง 1 เดือนราคาหุ้นขึ้นมาประมาณ 10%
เข้าใจว่าหุ้นกัลฟ์ฯ ที่วิ่งขึ้นมา มาจากข่าวที่เป็นปัจจัยบวก ประกอบกับเกิดแรง Cover short เช่นเดียวกับ AOT
ส่วนกลุ่มที่เข้ามาไล่ซื้อหุ้นบิ๊กแคปอย่าง AOT และ GULF คงไม่พ้นรายใหญ่อย่างกลุ่มกองทุนต่าง ๆ
แต่ต้องมาลุ้นกันว่า การกลับมาของกองทุนรอบล่าสุดจะซื้อแบบแรลลี่หรือเปล่า
หรือหลังจากไล่ซื้อ 2 หุ้นดังกล่าวแล้ว
จะเข้าไปไล่ซื้อหุ้น (บิ๊กแคป) ตัวไหนกันต่อ