
KKPS ชี้ MINT กำไร Q2 แตะ 3.4 พันลบ. รับรายได้โรงแรม “ยุโรป” โตเด่น
KKPS คาด MINT โชว์กำไรไตรมาส 2/68 เติบโต 4% แตะ 3.4 พันล้านบาท รับแรงหนุนรายได้ธุรกิจโรงแรมยุโรป พร้อมต้นทุนดอกเบี้ยลดลง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 38 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุในบทวิเคราะห์ถึง บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT คาดการณ์ว่าแนวโน้มสร้างกำไรหลักเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 2/68 แม้จะเผชิญแรงกดดันจากธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ากำไรหลัก MINT จะเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท หลังได้รับอานิสงส์จากการดำเนินงานที่โดดเด่นของโรงแรมในทวีปยุโรปและต้นทุนดอกเบี้ยปรับตัวลดลง ซึ่งมาชดเชยผลงานในประเทศไทยที่อ่อนตัว
รวมทั้ง คาดการณ์ว่ารายได้ต่อห้องพักที่พร้อมให้บริการ (RevPAR) โรงแรมยุโรปจะขยายตัว 4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้แรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่คึกคัก ขณะที่ RevPAR ของโรงแรมในไทยจะลดลงราว 5% เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลงและมีการปิดปรับปรุงโรงแรมสำคัญหลายแห่งตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นอกจากนั้นแล้ว RevPAR กลุ่มโรงแรมที่ MINT เป็นเจ้าของและเช่าบริหารทั่วโลกมีแนวโน้มลดลง 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา หลังเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโร
อย่างไรก็ตาม MINT ยังจะได้รับประโยชน์จากการลงทุน Popmart Thailand โดยคาดการณ์ว่ารายได้ส่วนแบ่งกำไรจะเติบโตกว่า 2 เท่า ในไตรมาสนี้ ส่วนธุรกิจร้านอาหาร มีแนวโน้มเจอแรงกดดันคาดว่ายอดขายสาขาเดิม (SSS) จะหดตัว 1-2% จากปีก่อน จากยอดขายร้านอาหารในไทยที่ลดลง 2-3% ขณะที่ยอดขายจากร้านอาหารในจีนลดลง 7%
ขณะเดียวกันฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า ภาระต้นทุนดอกเบี้ยของบริษัทจะลดลงต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 2568 ขณะที่ยอดจองล่วงหน้า (Forward bookings) สะท้อนว่าโรงแรมในยุโรปอาจมีรายได้หดตัว 4-6% ในเดือนกรกฎาคม จากฐานที่ค่อนข้างสูงจากการจัดงานสำคัญอย่าง “รายการฟุตบอลยูโร 2024” อย่างไรก็ตามมองว่าตัวเลขดังกล่าวควรฟื้นตัวและกลับมาเติบโตในอัตราใกล้เคียงกันกับปีก่อนในเดือนสิงหาคม
ส่วนโรงแรมในไทยรายได้เดือนกรกฎาคมและสิงหาคม จะลดลงในระดับเลข 2 หลัก เนื่องมาจากการปิดปรับปรุงโรงแรมสำคัญ อาทิ อนันตรา สยาม, อนันตรา ริเวอร์ไซด์, อนันตรา หัวหิน, อนันตรา ลายัน, อนันตรา ไม้ขาว และอวานีสมุย ซึ่งกลุ่มนี้คิดเป็นสัดส่วน 40-50% ของรายได้โรงแรมในประเทศไทยปี 2567 ซึ่งมองว่าส่วนใหญ่จะปรับปรุงเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2568 เปิดโอกาสให้ MINT ตอบรับความต้องการท่องเที่ยวในช่วง High Season ของประเทศไทยและสามารถปรับขึ้นราคาห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) ได้อีกราว 20% หนุนกำไรปลายปี 2568 และต่อเนื่องถึงปีถัดไป
ในด้านบริษัทย่อยยุโรปอย่าง NH Hotel Group เพิ่งชำระคืนหุ้นกู้ประมาณ 200 ล้านยูโร และรีไฟแนนซ์อีก 200 ล้านยูโร ที่อัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่ต่ำลง โดยคาดการณ์ว่าจะช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยได้อีกราว 100 ล้านบาทต่อไตรมาส
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรหลักของ MINT ในปี 2568-2570 ลง 3-4% และเปลี่ยนวิธีประเมินมูลค่าหุ้นเป็นแบบ Discounted Cash Flow (DCF) เพื่อสะท้อนโอกาสการเติบโตระยะยาวของบริษัทหลังการฟื้นตัว และกำหนดราคาเป้าหมายใหม่ปี 2568 ที่ 38.00 บาท (เดิม 40.00 บาท) ซึ่งคิดเป็น P/E ที่ 24 เท่า
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น MINT โดยเห็นว่าปัจจุบันหุ้นซื้อขายในระดับต่ำเพียง 15 เท่าของคาดการณ์กำไรปี 2568 และเป็นจังหวะน่าสนใจสำหรับนักลงทุน และยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 38.00 บาท (มีความเสี่ยงอัพไซด์ที่ 52% จากราคาซื้อขายปัจจุบันที่ 25.00 บาท)