
CHAYO พุ่งชนซิลลิ่ง หลังอวดกำไร Q2 โต 23% รับยอดเก็บหนี้โตแรง โบรกชูเป้า 2.14 บ.
CHAYO พุ่งชนซิลลิ่งหลังรายงานกำไรไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจากปีก่อนและไตรมาสก่อน จากการเก็บหนี้โตแรง 30% โบรกให้ราคาเป้าหมาย 2.14 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (15 ส.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO ณ เวลา 15.33 น. อยู่ที่ระดับ 1.91 บาท บวก 0.44 บาท หรือ 29.93% สูงสุดที่ระดับ 1.91 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.51 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 150.20 ล้านบาท
บล.กรุงศรี มองบวกเล็กน้อยต่อ CHAYO หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อนและ 18% จากไตรมาสก่อนหนุนจากการเก็บหนี้ (Cash Collection) เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนและ 5% จากไตรมาสก่อน พร้อม Gross margin ขยายตัวต่อเนื่องจากการลดค่าใช้จ่ายดำเนินคดีส่งผลให้กำไรสะสมครึ่งปีแรกคิดเป็น 59% ของประมาณการทั้งปี 68
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 3/68 คาดกำไรลดลงจากปีก่อนและจากไตรมาสก่อน โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ยังมีมุมมองระมัดระวังจากสภาวะเศรษฐกิจซึ่งอาจกระทบ Cash collection และ ECL กลับมาเร่งตัวอีกครั้ง ซึ่งในระยะถัดไปมองบริษัทจะเน้นการแก้ปัญหาสภาพคล่องเป็นหลักและแนวโน้มชะลอการซื้อหนี้ ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการปี 69-70 ลงเฉลี่ย 22% ตามการซื้อหนี้ที่ลดลง พร้อมคงคำแนะนำ Neutral แต่ปรับลด PBV 0.4 เท่า เทียบเท่าราคาเป้าหมายใหม่ที่ 1.50 บาท เพื่อสะท้อนการลดแผนซื้อหนี้สำหรับแก้ไขความเสี่ยงจากสภาพคล่อง
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า CHAYO มีกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อนและ 23% จากปีก่อน หลังยอดจัดเก็บรวมเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน และ 17% จากปีก่อน โดยหลักมาจากการขยายตัวของยอดจัดเก็บ NPL ทั้งที่มีและไม่มีหลักประกัน ซึ่งในส่วนของ NPL ไม่มีหลักประกันทรงตัว จากไตรมาสก่อน แต่เติบโตมากจากปีก่อน ขณะที่ NPL มีหลักประกันดีขึ้นทั้งสองช่วงเวลา โดยการปรับตัวจากไตรมาสก่อนได้แรงหนุนจากฐานต่ำในไตรมาส 1/68 ด้านต้นทุนการให้บริการลดลง 37% จากไตรมาสก่อนและ 47% จากปีก่อน หลังการลดค่าใช้จ่ายงานคดีขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและสำรองหนี้ (ECL) ทรงตัว
สำหรับประเด็นที่ทางบริษัทขอเลื่อนชำระคืนหุ้นกู้ 2 ปีสำหรับหุ้นกู้ 5 รุ่น ครบกำหนดในปี 68 ถึง 70 มูลค่ารวม 3.9 พันล้านบาท (หุ้นกู้ที่จะครบกำหนด 20 พ.ย.68 มูลค่า 1.6 พันล้านบาท) บริษัทอยู่ระหว่างขอมติผู้ถือหุ้นกู้ ล่าสุดได้มีการประชุมไปแล้วและยังได้คะแนนเสียงไม่พอทำให้อาจต้องมีการเสนอเงื่อนไขให้กับผู้ถือหุ้นกู้เพิ่มเติม อาทิ การเพิ่มดอกเบี้ยจ่าย และการจ่ายคืนเงินต้นบางส่วนระหว่างทาง
โดยฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินว่าการประชุมรอบถัดไปในช่วงไตรมาส 4/68 น่าจะได้คะแนนเสียงเพียงพอที่จะขยายเวลาการชำระหนี้ไปได้ แต่อาจกระทบการเติบโตของบริษัท เนื่องจากในช่วงที่บริษัททยอยชำระคืนหุ้นกู้ จะมีงบประมาณการในการซื้อหนี้ค่อนข้างจำกัด
จึงยังคงประมาณการกำไรปี 68 ไว้ที่ 317 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน ขณะที่กำไรงวดครึ่งปีแรก คิดเป็น 55% ของประมาณการทั้งปี แต่ปรับลดประมาณการกำไรปี 69 ลง 19% จากประมาณการก่อนหน้าเหลือ 293 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน ทั้งนี้ หากบริษัทสามารถขายทรัพย์หลักประกันของ NPL หรือ NPA แปลงใหญ่ได้ระหว่างทางอาจช่วยหนุนกำไรให้สูงกว่าประมาณการของฝ่ายนักวิเคราะห์ได้จากการปรับลดประมาณการ ทำให้ประเมินราคาเป้าหมายปี 69 ใหม่ที่ 2.14 บาท อิง PBV 0.50 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายกันที่ PBV 0.35 เท่า ถือว่าสะท้อนปัจจัยลบและความกังวลไปมากแล้ว แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงแนะนำเพียง “ถือ”