KKPS แนะลงทุน TFFIF เป้า 7 บาทต่อหน่วย มั่นใจกำไร – ปันผลหนุนระยะยาว

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งต่อสภาวะเศรษฐกิจที่กดดันการเดินทาง แม้เผชิญกับปัจจัยลบในอุตสาหกรรม โดยบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือKKPS ระบุว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิ 516 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่รายได้ที่สามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนอยู่ที่ 515 ล้านบาท ส่งผลให้ผลรวมรายได้ที่สามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนในงวด 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 74% ของเป้าหมายประจำปีของ KKPS

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ TFFIF เนื่องจากมองว่ากองทุนยังมีเสถียรภาพสูง แม้ยังมีความท้าทายที่อาจกดดันปริมาณการจราจรบนทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี เช่น ภาวะการบริโภคในประเทศที่ซบเซา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชะลอตัวลง และฝนตกหนักผิดปกติในช่วงเวลาที่มีการปรับขึ้นค่าผ่านทางด่วนกลับสู่ภาวะปกติตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 อย่างไรก็ตาม KKPS มองว่าราคาหน่วยลงทุนปัจจุบันยังน่าสนใจเมื่อเทียบกับลักษณะการลงทุนเชิงรับ (defensive characteristics) ของกองทุน

รายได้จากข้อตกลงโอนรายได้ (revenue transfer agreement) ของ TFFIF เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 539 ล้านบาท แม้จะยังได้รับผลกระทบจากการปรับค่าผ่านทางและข้อจำกัดการเดินทาง ขณะที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานสามารถควบคุมได้ดี ลดลง 3% เทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 26 ล้านบาท ส่งผลให้รายได้ที่สามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนสุทธิในไตรมาสนี้อยู่ที่ 515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เช่นเดียวกัน หากสมมติว่าจ่ายประโยชน์ตอบแทนเต็มจำนวน กองทุนจะมีเงินจ่ายประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วย (DPU) ในไตรมาส 3 ที่ 0.11 บาท และคิดเป็น DPU สะสม 9 เดือนที่ 0.35 บาท เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับปีก่อน

ในแง่อัตราผลตอบแทน TFFIF โดดเด่นด้วยคาดการณ์ DPU yield ปีงบ 2568 ที่ 7.8% ที่ราคาหน่วยลงทุนปัจจุบัน ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (US 10-year Treasury yield) ถึง 3.5% (350 basis point) มากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตของกองทุน สะท้อนความเสี่ยงขาลงที่จำกัดสำหรับนักลงทุน โดย KKPS ยังคงให้ราคาเป้าหมายที่ 7.00 บาทต่อหน่วย