
HANN ลั่นรายได้ปีนี้แตะ 500 ล้าน เร่งขยายฐานผู้ป่วย “ไทย-ลาว” ย้ำกอดหุ้นแน่น ยันโปร่งใส
HANN ตั้งเป้ารายได้ปี 68 แตะ 500 ล้านบาท ย้ำผู้ถือหุ้นใหญ่ยังถือหุ้นแน่น มั่นใจโปร่งใส พร้อมขยายฐานผู้ป่วยไทย-ลาว รองรับบริการผ่าตัดนิ่วและมะเร็งครบวงจร
นางประภาศรี สุฉันทบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์แนวโน้มรายได้ครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งรายได้ครึ่งปีหลังมักเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกประมาณ 8% โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวที่มีนักท่องเที่ยวและผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น
สำหรับปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมประมาณ 500 ล้านบาท แม้ครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในกัมพูชา โดยคาดว่าไตรมาส 4/2568 รายได้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่รายได้ครึ่งปีแรกแบ่งตามภูมิภาค ได้แก่ ไทย 77% ลาว 17% และกัมพูชา 4%
บริษัทมีโครงการใหม่ในการประชาสัมพันธ์การให้บริการผู้ป่วยข้าราชการและครอบครัว ซึ่งสามารถเบิกค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้ โดยเฉพาะกรณี “โรคผ่าตัดล่วงหน้า” เช่น การผ่าตัดโรคนิ่ว ซึ่งโรงพยาบาลมีความเชี่ยวชาญและถือเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่ทำการผ่าตัดนิ่วมากที่สุดในประเทศไทย
โดยมีโรงพยาบาลมีศูนย์ผ่าตัดนิ่ว 2 แห่ง รองรับผู้ป่วยจากไทย ลาว และกัมพูชา โดยผู้ป่วยข้าราชการสามารถใช้สิทธิ์เบิกตรงกับกรมบัญชีกลางโดยไม่ต้องสำรองจ่ายเอง บริษัทเน้นกลยุทธ์ครึ่งปีหลังในการขยายการประชาสัมพันธ์ไปยังทุกอำเภอที่มีข้าราชการ เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิ์การเบิกค่ารักษา
นอกจากนี้ บริษัทสังเกตว่าผู้บริโภคซื้อประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น จึงมีโอกาสสร้างเครือข่ายกับบริษัทประกันและขยายฐานผู้ป่วยในพื้นที่มุกดาหารและนครพนม สำหรับตลาดต่างประเทศ แม้เศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัว แต่พื้นที่ชายแดน เช่น นครพนม-แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว มีโอกาสสูง บริษัทขยายฐานผู้ป่วยจากลาวเข้ามาใช้บริการฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง
โรงพยาบาลมีเครื่องล้างไตเดิม 31 เครื่อง และเพิ่งเปิดเพิ่มอีก 8 เครื่อง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนมากขึ้น โดยปัจจุบันรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายการล้างไต ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น คุณภาพชีวิตผู้ป่วยโรคไตจึงดีขึ้น นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังเตรียมรองรับผู้ป่วยชาวต่างชาติ ให้บริการผู้ป่วยมะเร็งทั่วประเทศ พร้อมจัดแพ็กเกจครบวงจรทั้งการรักษาและบริการเสริม รวมถึงรองรับการชำระเงินดิจิทัลในอนาคต
ด้านการซื้อขายหุ้น บริษัทชี้แจงว่ากรณีผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องบางท่านขายหุ้น เป็นไปตามสิทธิ์ในการซื้อ IPO และไม่ผิดกฎหมาย ขณะเดียวกัน ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เช่น ครอบครัวสุฉันทบุตร และครอบครัววิริยพันธ์ ไม่ได้ขายหุ้นและไม่สามารถขายได้ เนื่องจากหุ้นถูกล็อกตามข้อตกลงกับสำนักงาน ก.ล.ต. ส่งผลให้ 96% ของผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงถือหุ้นโดยไม่ขาย
บริษัทยืนยันว่าการบริหารงานและการถือหุ้นดำเนินไปอย่างโปร่งใสและมั่นคง นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง