AAI ชี้ครึ่งปีหลังธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงโตแกร่ง มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 7,100 ล้าน

AAI มองครึ่งปีหลัง 2568 ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงโตแข็งแกร่ง แม้เผชิญค่าเงินผันผวน คงเป้ารายได้ทั้งปีที่ 7,100 ล้านบาท พร้อมขยายกำลังผลิต รองรับดีมานด์ตลาดโลกที่ยังเติบโต


นางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI เปิดเผยในกิจกรรม Opportunity Day ประจำไตรมาส 2/2568 ถึง ผลงานไตรมาส 2/2568 และครึ่งปีแรกของปีนี้ ว่า กลุ่มบริษัทฯมีรายได้รวมสำหรับไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 1,705 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,717 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายในกลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกลดลง ในขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงทรงตัว ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่มาจากการอ่อนค่าของค่าเงินสหรัฐเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 195 ล้านบาท ลดลง 35 เปอร์เซ็นต์ จากงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 300 ล้านบาท โดยเกิดจากอัตรากำไรขั้นต้นลดลง ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง

ด้านผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯในครึ่งปีแรก 2568 มีรายได้รวมอยู่ที่  3,586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า รายได้รวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตจากยอดคำสั่งผลิตสินค้า (OEM) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้ายังขยายตัวได้ดี อาหารและขนมสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ โดยเฉพาะแบรนด์ โปร เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 453 ล้านบาท ลดลง 16.4 เปอร์เซ็นต์ จากผลกระทบจากค่าเงินสหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทเป็นสำคัญ

โดยในช่วงครึ่งปีหลัง กลุ่มบริษัทฯ คาดว่า ผลจากมาตรการภาษีตอบโต้จะกระทบกำลังซื้อของผู้บริโภคในตลาดสหรัฐอเมริกา และการอ่อนค่าของเงินดอลล่าร์ จะกระทบต่อยอดขายและอัตรากำไรสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงของกลุ่มบริษัทฯ จึงปรับประมาณการยอดขายปี 2568 ลดลงจาก 7,400 ล้านบาท เหลือ 7,100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงประมาณ 6,300 ล้านบาท กลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกประมาณ 700 ล้านบาท และปรับประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นลงมาอยู่ประมาณ 16-18% โดยที่ในระยะยาว บริษัทฯ ยังคงมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต พร้อมเดินหน้าแผนขยายกำลังการผลิต เพื่อรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขัน

เนื่องจากตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโต ตามเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) กระแสการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง ตลอดจนความนิยมในผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการผลิตที่ให้ความสำคัญกระบวนการด้านความยั่งยืน โดยใช้ความได้เปรียบด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์แบบเปียก แบบเม็ด และผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง ตลอดจนความได้เปรียบของประเทศไทยที่เป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญ ในขณะที่อัตราภาษีตอบโต้ของประเทศไทยก็ไม่ได้สูงกว่าประเทศคู่แข่ง

นอกจากนี้ AAI มีความภาคภูมิใจที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ. 2568 โดยสถาบันไทยพัฒน์ และยังได้รับการประเมินระดับ “ดีเยี่ยม” จากการประเมิน AGM Checklist ประจำปี 2568 ด้วยคะแนน 100 คะแนนเต็ม สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้ถือหุ้น ด้วยการยกระดับกระบวนการประชุมผู้ถือหุ้นให้ได้มาตรฐานสูงสุด ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารงานตามหลักธรรมมาภิบาล พัฒนาระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส พร้อมให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม

คณะกรรมการบริษัท มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงาน 1 มกราคม-30 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 0.2031 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 95 เปอร์เซ็นต์ของกำไรสุทธิ กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 26 สิงหาคมและ จ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 กันยายน 2568

Back to top button