
‘ทรัมป์’ ดึงอียู-อินเดียกดดันจีน.!
ถือเป็นข้อเสนอที่ยากต่อการปฏิบัติ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขอให้สหภาพยุโรป (EU) จัดเก็บภาษีนำเข้าสูงสุดที่อัตรา 100% ต่อจีนและอินเดีย
ถือเป็นข้อเสนอที่ยากต่อการปฏิบัติ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขอให้สหภาพยุโรป (EU) จัดเก็บภาษีนำเข้าสูงสุดที่อัตรา 100% ต่อจีนและอินเดีย จากกรณีซื้อน้ำมันจากรัสเซียเพื่อกดดันให้รัฐบาลมอสโก ยุติสงครามในยูเครน
โดย “ทรัมป์” ยื่นคำร้องดังกล่าว เมื่อเขาถูกเชิญเข้าร่วมการประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปในกรุงวอชิงตัน ตามรายงานของไฟแนนเชียลไทมส์ โดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับการเจรจาดังกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตัน พร้อมที่จะสะท้อนภาษีศุลกากรเท่าใดก็ตาม ที่ยุโรปเรียกเก็บต่อทั้งอินเดียและจีน
แต่ทำเนียบขาว ยังไม่ได้ให้ความเห็นตอบข้อซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้..!!
“สหรัฐฯ” ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียเพิ่ม ที่เป็นการลงโทษอัตรา 25% จากกรณีรัฐบาลอินเดีย ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ส่งผลให้ภาษีนำเข้าสุทธิสูงถึง 50% โดยอินเดีย ระบุว่า ภาษีศุลกากรดังกล่าว “ไม่ยุติธรรม ไม่เป็นธรรม และไม่มีเหตุผล” พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ที่ยังคงมีต่อรัสเซีย
ข้อมูลจากคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างสหภาพยุโรปกับรัสเซีย อยู่ที่ 6.75 หมื่นล้านยูโร (หรือเทียบเท่า 7.81 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)ในปี 2567 ขณะที่มูลค่าการค้าบริการปี 2566 อยู่ที่ 1.72 หมื่นล้านยูโร
โดยข้อมูลจากสถานทูตอินเดีย ประจำกรุงมอสโก ชี้ให้เห็นว่า การค้าทวิภาคีระหว่างอินเดียกับรัสเซีย ล่าสุดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2568 สูงกว่ามูลค่าการค้าก่อนการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 ที่ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐถึงเกือบ 5.8 เท่า
ขณะที่ “จีน” ในฐานะผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่สุดของรัสเซียตราบจนถึงปัจจุบันยังได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า “ขั้นที่ 2” หลังจากบรรลุข้อตกลงสงบศึกชั่วคราวกับรัฐบาลวอชิงตัน เพื่อปรับลดอัตราภาษีนำเข้าครั้งใหม่ต่อสินค้าของจีนลงเหลือ 30%
ข้อเสนอของทรัมป์ เกิดขึ้นขณะที่มีการพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย ที่รัฐอลาสกาของสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่ผ่านมา และแทบไม่มีความคืบหน้าในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน โดยหลังการประชุม “ปูติน” กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับ “ทรัมป์” ว่า “สาเหตุทั้งหลายของความขัดแย้ง” จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืน
ส่วน “ทรัมป์” กล่าวโดยไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “มีหลาย ๆ ประเด็นที่เราตกลงกันได้ผมจะขอพูดแค่ประเด็นสำคัญ ๆ 2-3 ประเด็นที่เรายังไม่บรรลุมากนัก แต่เราได้มีความคืบหน้าไปบ้าง”
แม้ความพยายามของรัฐบาลวอชิงตัน ในการเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อตกลงสันติภาพ ระหว่างรัสเซียและยูเครน จะล้มเหลว แต่ “ปูติน” ดูเหมือนว่าจะได้กระชับความสัมพันธ์กับประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ของจีน และนายกรัฐมนตรี “นเรนทรา โมดี” ของอินเดีย ระหว่างการประชุมที่องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ในกรุงปักกิ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในโพสต์บนแพลตฟอร์ม X เมื่อคืนวันอังคาร (9 ก.ย.) ที่ผ่านมา “ทรัมป์” ระบุว่า สหรัฐฯ และอินเดีย ได้กลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้ง เพื่อแก้ไขอุปสรรคต่าง ๆ ทางการค้า โดยย้ำว่า นายกรัฐมนตรีโมดี เป็นเพื่อนที่ดีมาก และทรัมป์ มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาในการหาข้อสรุปที่ประสบความสำเร็จ
การเจรจาหลายครั้งระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับรัฐบาลจีน ดูเหมือนกำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จโดยการเยือนกรุงวอชิงตันของหลี่ เฉิงกัง ผู้แทนเจรจาการค้าระดับสูงสุดของจีน ปลายเดือนสิงหาคมที่ผานมา ดูเหมือนมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…