“กรุงศรี” ชี้ SET แกว่งสร้างฐาน จับตา GDP จีน–CPI สหรัฐ ลุ้นครม.ออกมาตรการพลังงาน

“บล.กรุงศรี” ชี้ SETสัปดาห์นี้ (20-24 ต.ค.68) “แกว่งสร้างฐาน” โดยให้แนวต้านที่ 1,289 และ 1,303 จุด จับตา GDP จีน–CPI สหรัฐ ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะนโยบายพลังงานลดภาระค่าไฟและหนุนโครงการ Direct PPA รับกระแส Data Center แนะลงทุนหุ้นเด่น ADVANC–GULF–BH


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (20–24 ต.ค.2568) ว่าดัชนีมีแนวโน้ม “แกว่งสร้างฐาน” โดยให้แนวต้านที่ 1,289 และ 1,303 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,260 และ 1,246 จุด หลังตลาดกลับมากังวลความเสี่ยงในภาคธนาคารขนาดกลาง-เล็กจากประเด็นความไม่โปร่งใสภายในและคุณภาพสินทรัพย์ โดยตลาดให้น้ำหนักกับปัจจัยเฉพาะตัวมากขึ้น

ขณะที่ Credit Default Swap (CDS) ของตราสารหนี้คุณภาพปรับขึ้นราว 40 bps ซึ่งยังอยู่ในระดับปกติ แต่หากขยับขึ้นเกิน 100 bps จะสะท้อนการเร่งตัวของความกังวลในระบบ อย่างไรก็ดี หากความเสี่ยงไม่ขยายวง ตลาดยังมีโอกาสค่อย ๆ ตั้งฐานเพื่อฟื้นตัวได้ในระยะต่อไป

ฝ่ายวิจัยมองว่าหุ้นเด่นในช่วงนี้ควรเน้นกลุ่มอิงดอกเบี้ยขาลง เช่น กลุ่มไฟฟ้าและเช่าซื้อ รวมถึงหุ้น Domestic ที่ได้อานิสงส์จากกระแสนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะสัปดาห์นี้ที่คาดว่าฝั่งนโยบายพลังงานจะออกมาตรการลดค่าไฟฟ้าและผลักดันโครงการ Direct PPA เพื่อรองรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) รวมถึงมาตรการ “คนละครึ่งพลัส” ที่จะกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ หนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก ขณะเดียวกัน หุ้นในธีม “Infra Tech” ผสมกับหุ้น Defensive เช่น สื่อสารและโรงพยาบาล ยังคงเป็นกลุ่มที่เหมาะลงทุนในภาวะตลาดผันผวน

ส่วนหุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ ได้แก่ ADVANC (ราคาเป้าหมาย 350 บาท) ซึ่งเป็นหุ้น Defensive ที่คาดกำไรไตรมาส 3/2568 เติบโต 33% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่ม 2% เทียบไตรมาสก่อน มีความแข็งแกร่งกว่าตลาดในภาวะไม่แน่นอน, GULF (ราคาเป้าหมาย 59 บาท ซึ่งได้รับแรงหนุนจากนโยบายพลังงานของรัฐบาล และ BH (ราคาเป้าหมาย 217 บาท) เป็นหุ้น Defensive เหมาะกับช่วงตลาดเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยเสี่ยงใหม่

ทั้งนี้ บล.กรุงศรีแนะนำธีมการลงทุนเดือนตุลาคม (OCT25 Best Picks) ได้แก่ BH, MTC, GULF, IVL, BJC, PTTGC และ CENTEL ส่วนหุ้นเด่นไตรมาส 4/2568 (4Q25F Stock Picks) ได้แก่ AOT, BJC, CPALL, GULF, HMPRO, IVL, MTC, PTTGC, TOP และ WHA ขณะที่หุ้นขนาดเล็กที่น่าสนใจ (Small Cap Play) ประกอบด้วย AMATA, CENTEL, ERW และ GLOBAL

สำหรับปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความพยายามของรัฐบาลสหรัฐในการผ่านร่างงบประมาณประจำปีเพื่อแก้ปัญหา Government Shutdown ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ตุลาคม ความเสี่ยงในธุรกิจธนาคารขนาดกลาง-เล็กของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับระบบควบคุมภายในและคุณภาพสินทรัพย์ รวมถึงการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ (CPI) เดือนกันยายนในวันที่ 24 ตุลาคม ซึ่งตลาดคาดเพิ่มขึ้น 3.1% จากปีก่อน และ 0.4% จากเดือนก่อน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานคาดเพิ่มขึ้น 3.0% จากปีก่อน และ 0.3% จากเดือนก่อน

อีกทั้งต้องติดตามการประชุม Plenum ครั้งที่ 4 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (20–23 ต.ค.) ซึ่งมีวาระการวางแผนเศรษฐกิจระยะ 5 ปี (2026–2030) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม รวมถึงการรายงาน GDP จีนไตรมาส 3/2568 ที่คาดขยายตัว 4.8% จากปีก่อน เทียบกับไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 5.2% รวมถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจไทยในสัปดาห์นี้ซึ่งอาจมีการพิจารณามาตรการพลังงานและกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ด้านกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) สัปดาห์ก่อนพบว่าเงินทุนไหลออกจากตลาดไทยสุทธิ 119.5 ล้านดอลลาร์ โดยขายหุ้นสุทธิ 77.1 ล้านดอลลาร์ และซื้อพันธบัตรสุทธิ 39.4 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินบาททรงตัวบริเวณ 32.7 บาทต่อดอลลาร์

 

Back to top button