III ปักหมุดขยายธุรกิจ “โลจิสติกส์” สู่ภูมิภาค ดัน Multimodal–Airport Link โตยั่งยืน

III มั่นใจฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ลุยขยายบริการ Multimodal Warehouse และ Airport Truck Link สู่ประเทศเพื่อนบ้าน หนุนไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียน พร้อมเดินหน้ากลยุทธ์ Synergy 360° สร้างการเติบโตระยะยาว


นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรระดับภูมิภาคของไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้รวม 614 ล้านบาท ลดลง 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และลดลง 4.5% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) เนื่องจากปริมาณการขนส่งในบางกลุ่มธุรกิจลดลง และค่าระวางขนส่งสินค้าปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้ 101.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 37.6% จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการเติบโตของธุรกิจหลัก (Organic) ที่ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตของกำไร มาจากความสำเร็จของกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ โดยเฉพาะบริการ Multimodal Warehouse ซึ่งเป็นคลังสินค้ารองรับการขนส่งหลายรูปแบบ และบริการ Airport Truck Link ที่เชื่อมต่อสามสนามบินหลัก ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และภูเก็ต ซึ่งได้รับการตอบรับเกินความคาดหมาย สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค (Aviation Hub) นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการโลจิสติกส์ยังมีกำไรโดดเด่น ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทที่เข้าลงทุน (Inorganic) เพิ่มขึ้น 5.8% จากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับผลประกอบการรวม 9 เดือน (มกราคม–กันยายน 2568) บริษัทมีรายได้รวม 1,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจหลัก แต่กำไรสุทธิลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) และบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) ชะลอตามภาวะท่องเที่ยวและปริมาณสินค้าอีคอมเมิร์ซจากจีนที่ลดลงในช่วงต้นปี

นายทิพย์ กล่าวว่า แนวโน้มไตรมาส 4/2568 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากธุรกิจ Organic โดยเฉพาะ Multimodal Warehouse และ Airport Truck Link ที่เตรียมขยายบริการไปยังประเทศในอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ เมียนมา และลาว หลังจากเปิดให้บริการในมาเลเซียแล้ว อีกทั้งกลุ่มโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายยังได้เปิดตัว DGP Training ผู้ให้บริการฝึกอบรมด้านการจัดการขนส่งสินค้าอันตรายทางอากาศ ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT)

นอกจากนี้ การเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจโลจิสติกส์และการท่องเที่ยวจะส่งผลดีต่อ AOTGA และ ANI อย่างชัดเจน โดยบริษัทเดินหน้าขับเคลื่อนกลยุทธ์ Synergy 360° เพื่อผสานศักยภาพภายในกลุ่มและพันธมิตร สร้าง Ecosystem ที่ยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และขยายโอกาสทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า AOTGA ซึ่งชนะการประมูลให้บริการภาคพื้นและคลังสินค้ารายที่ 3 ของสนามบินสุวรรณภูมิ จะลงนามสัญญากับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ และเริ่มรับรู้รายได้ในครึ่งหลังของปี 2569 ส่วนโครงการจัดตั้งสายการบินขนส่งสินค้า (Cargo Airline) เพื่อให้บริการในเส้นทางที่มีอัตรากำไรดี อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในปลายปี 2569

Back to top button