
EPG เด้ง 8% รับกำไร Q2 พุ่ง 134% แตะ 317 ล้าน เคาะแจกปันผล 0.07 บาท
EPG บวกแรง 8% รับกำไร Q2 แตะ 317 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% จากการฟื้นตัวของธุรกิจร่วมทุนในแอฟริกาใต้ พร้อมปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.07 บาท XD 27 พ.ย.นี้
ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ปีบัญชี 2568/2569 (เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2568) บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,436 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 3,606 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 32.4 ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 30 ถึง 33 ขณะที่มีกำไรสุทธิ 317 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 134 จากการฟื้นตัวของธุรกิจร่วมทุนในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในไตรมาสนี้ก็ตาม
สำหรับผลการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ธุรกิจฉนวนกันความร้อนและความเย็นภายใต้แบรนด์แอโรเฟล็กซ์ มียอดขาย 1,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากไตรมาสก่อน โดยความต้องการในตลาดสหรัฐอเมริกาและตลาดในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมกึ่งตัวนำ ระบบคลาวด์ ศูนย์ข้อมูล และยานยนต์ รวมถึงสินค้ากลุ่มระบบท่ออากาศและระบบปรับอากาศ ซึ่งได้รับความต้องการสูง ทั้งนี้ บริษัทได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในบางช่วงของไตรมาส
ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์แอโรคลาส มียอดขาย 1,666 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.9 จากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 จากไตรมาสก่อน สะท้อนการฟื้นตัวที่ยังล่าช้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยและออสเตรเลีย โดยแอโรคลาสใช้ช่วงเวลานี้ในการปรับโครงสร้างต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อรองรับการฟื้นตัวในระยะถัดไป ขณะที่ธุรกิจในออสเตรเลียมีผลประกอบการใกล้เคียงปีก่อน แต่การบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่องช่วยให้การดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทในเครือได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ระบบกันสะเทือนรุ่นใหม่เพื่อผลักดันยอดขายในช่วงครึ่งหลังของปีบัญชี
สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์อีพีพี มียอดขาย 658 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 จากไตรมาสก่อน ตามความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าระดับอุตสาหกรรม ด้วยมาตรฐานการผลิตระดับสากล ทั้งมอก. จีเอ็มพี เอชเอซีซีพี บีอาร์ซี และมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างรับผิดชอบ ซึ่งช่วยสร้างความแตกต่างในตลาดที่มีการแข่งขันสูง พร้อมกันนี้ บริษัทยังพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
บริษัทมีต้นทุนขาย 2,321 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.6 จากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จากไตรมาสก่อน โดยต้นทุนในไตรมาสนี้สะท้อนภาระภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาแล้ว ซึ่งบริษัทได้กระจายการจัดหาวัตถุดิบเพื่อบริหารต้นทุนเฉลี่ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ขณะที่ธุรกิจในสหรัฐอเมริกาบริหารสต๊อกวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปอย่างรัดกุมเพื่อรองรับผลกระทบด้านภาษี นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 835 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.8 จากปีก่อน และลดลงร้อยละ 2.4 จากไตรมาสก่อน สะท้อนการปรับโครงสร้างต้นทุนของธุรกิจในออสเตรเลียที่เดินหน้าต่อเนื่อง
ในไตรมาสนี้ บริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 15 ล้านบาท จากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้า 69 ล้านบาท โดยธุรกิจร่วมทุนในสาธารณรัฐแอฟริกาใต้นั้นมีพัฒนาการเชิงบวกต่อเนื่อง ผ่านการปรับโครงสร้างต้นทุนทั้งระบบ ส่งผลให้เริ่มมีกระแสเงินสดรับเพิ่มขึ้นและทยอยชำระค่าสินค้าแก่บริษัทแอร์โรคลาส จำกัด ได้อย่างต่อเนื่อง
ดร.เฉลียวกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 196 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 และจ่ายปันผลในวันที่ 9 ธันวาคม 2568
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง การดำเนินงานที่มีทิศทางชัดเจน และการเพิ่มประสิทธิภาพในทุกมิติ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตอย่างมั่นคงในปีบัญชี 2568/2569 ภายใต้นโยบาย “ยูส” ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการยกระดับประสิทธิภาพองค์กรอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ล่าสุด ณ เวลา 11:53 น. ราคาหุ้น EPG อยู่ที่ระดับ 3.06 บาท บวก 0.22 บาท หรือ 7.75% สูงสุดที่ระดับ 3.08 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.88 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.81 ล้านบาท

