
OKJ ร่วง 5% หลังงบ Q3 กำไรหด 71% เหลือ 17 ล้านบาท หลังกำลังซื้อซบเซา–ต้นทุนพุ่ง
OKJ ร่วง 5% หลังบริษัทประกาศกำไรไตรมาส 3 เหลือ 17.27 ล้านบาท ลดลง 71.25% จากปีก่อน หลังสาขาเดิม(SSSG) ติดลบ 23% จากการแข่งขันสูงและกำลังซื้อซบเซา ต้นทุนแรงงาน–ค่าใช้จ่ายสาขาเพิ่มต่อเนื่องกดดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 พ.ย. 68)ราคาหุ้น บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ณ เวลา 10:04 น. อยู่ที่ระดับ 4.44 บาท ลบ 0.24 บาท หรือ 5.13% สูงสุดที่ระดับ 4.56 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.28 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.48 ล้านบาท

บริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 มีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 17.27 ล้านบาท ลดลง 71.25% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 60.08 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯ จะมีรายงานรายได้จากการขาย อยู่ที่ 711.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78.10 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน อันเป็นผลจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยแบ่งเป็นแบรนด์โอ้กะจู๋ 7 สาขา แบรนด์โอ้ จู๊ซ 18 สาขา และแบรนด์โจ วิงส์ 2 สาขา ทั้งนี้ ยอดขายเติบโตหลักจากแบรนด์โอ้ จู๊ซ รวมถึงยอดขายจากช่องทางใหม่ ได้แก่ ความร่วมมือกับการบินไทย และร้านวนัสนันท์ สาขาสนามบินเชียงใหม่ 1 สาขา ส่งผลให้บริษัทฯ มีช่องทางรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG คำนวณจากแบรนด์โอ้กะจู๋ จำนวน 29 สาขา) ลดลง23.00% สาเหตุหลักมาจากยอดขายของสาขาในเมืองและสาขาในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงลดลง รวมถึงฐานเปรียบเทียบที่สูงในปีก่อนซึ่งเกิดจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์โอ้กะจู๋ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลกระทบจากฤดูฝนและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง
บริษัทฯ รายงานกำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 298.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.60 ล้านบาท หรือ 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน สอดคล้องกับยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 42.00% ลดลง 3.20% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากต้นทุนค่าแรงที่ไม่แปรผันตามยอดขาย ได้แก่ ค่าแรงหน่วยงานฟาร์ม ผลิต คลังสินค้า และค่าแรงพนักงานครัวขั้นต่ำที่ต้องมีในแต่ละสาขา รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการทำโปรโมชั่นฉลองครบรอบ 12 ปี แบรนด์โอ้กะจู๋ และครบรอบ 1 ปี แบรนด์โอ้ จู๊ซ
บริษัทฯ รายงานค่าใช้จ่ายในการขายในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 240.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.30 ล้านบาท หรือ 38.80% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ได้แก่ แบรนด์โอ้กะจู๋ 7 สาขา แบรนด์โอ้ จู๊ซ 18 สาขา และแบรนด์โจ วิงส์ 2 สาขา ทั้งนี้ อัตราค่าใช้จ่ายในการขายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ 33.80% เพิ่มขึ้น 6.40% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากยอดขายต่ำกว่าที่คาดจากกำลังซื้อที่อ่อนตัวลง ขณะที่บริษัทฯ ยังคงมีค่าใช้จ่ายคงที่ ได้แก่ ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของสาขา รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ในภาวะการแข่งขันที่สูง บริษัทฯ มีการลงทุนบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีเพื่อส่งเสริมการขายด้วย
บริษัทฯ รายงานค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 36.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5 ล้านบาท หรือ 1.40% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากค่าใช้จ่ายด้าน Technology Facility License เพื่อรองรับข้อมูลสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต เช่น License การใช้งานระบบหลังบ้านซึ่งแปรผันตามจำนวนพนักงานเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม อัตราค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้จากการขายอยู่ที่5.20% ลดลง 0.60% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทรายงานผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 104.73 ล้านบาท ลดลง 56.81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 162.44 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯ จะมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,104.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 374.10 ล้านบาท หรือ 21.60% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเป็นแบรนด์โอ้กะจู๋ 7 สาขา แบรนด์โอ้ จู๊ซ 18 สาขา และแบรนด์โจ วิงส์ 2 สาขา โดยยอดขายเติบโตจากทุกแบรนด์ รวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากช่องทางการขายใหม่ ได้แก่ ความร่วมมือกับการบินไทย และร้านวนัสนันท์ สาขาสนามบินเชียงใหม่ 1 สาขา ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีช่องทางรายได้ใหม่เพิ่มขึ้น
ในขณะที่อัตราการเติบโตของรายได้จากการขายของสาขาเดิม (SSSG คำนวณจากแบรนด์โอ้กะจู๋ จำนวน 29 สาขา) อยู่ที่ร้อยละ -18.40% สาเหตุหลักมาจากยอดขายสาขาในเมืองและสาขาในพื้นที่ที่มีการแข่งขันสูงลดลง รวมถึงฐานเปรียบเทียบที่สูงจากปีก่อนซึ่งเกิดจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์โอ้กะจู๋ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลกระทบจากฤดูฝน และภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภคให้ลดลง
บริษัทฯ รายงานค่าใช้จ่ายในการขายงวด 9 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 688.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221.70 ล้านบาท หรือ 47.50% เมื่อเทียบช่วงเดียวของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น แบ่งเป็นแบรนด์โอ้กะจู๋เพิ่มขึ้นสุทธิ 7 สาขา แบรนด์โอ้ จู๊ซเพิ่มขึ้นสุทธิ 18 สาขา และแบรนด์โจ วิงส์ 2 สาขา ทั้งนี้ อัตราค่าใช้จ่ายในการขายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ร้อยละ 32.70% เพิ่มขึ้น 5.70% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากยอดขายที่ต่ำกว่าคาดจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่อ่อนตัวลง ขณะที่บริษัทฯ ยังคงมีค่าใช้จ่ายคงที่ ได้แก่ ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภค ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของสาขา รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย นอกจากนี้ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในสถานการณ์ที่มีการแข่งขันสูง บริษัทฯ จึงลงทุนเพิ่มเติมบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีเพื่อสนับสนุนการขาย
บริษัทฯ รายงานค่าใช้จ่ายในการบริหารงวด 9 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 112.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายด้าน Technology Facility License เพื่อรองรับข้อมูลสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต เช่น License การใช้งานระบบหลังบ้าน ซึ่งแปรผันตามจำนวนพนักงานเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม อัตราค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ร้อยละ 5.3 ลดลงร้อยละ 0.9 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และเนื่องจากไตรมาส 1/2568 ไม่มีค่าธรรมเนียมและค่าที่ปรึกษาสำหรับการเตรียมการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

