
“ศุภจี” เร่งปรับโครงสร้างการค้า ดัน “โลคัล คอนเทนท์” รับกฎ RVC–เจรจาภาษีสหรัฐยังเดินหน้า
รมว.พาณิชย์ ประกาศเดินหน้าปรับโครงสร้างการค้า สร้างสมดุลใหม่ให้สอดรับจุดแข็งประเทศ ระบุการเจรจากับสหรัฐฯ ยังเดินหน้าระดับคณะทำงาน พร้อมย้ำจำเป็นต้องเร่งเพิ่ม Local Content
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 พ.ย.68) นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Reigniting Thailand’s Growth Engine: Trade and Exports” ในงาน Bangkok Post Economic Forum 2025
นางศุภจี กล่าวว่า การส่งออกยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่โลกเผชิญความผันผวน พร้อมชี้ว่าโครงสร้างการค้าโลกกำลังเปลี่ยนผ่านภายใต้ 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่ de-globalization, de-carbonization, digitalization และ demographics ส่งผลให้ไทยต้องเร่งปรับตัวทั้งด้านตลาด เทคโนโลยี และซัพพลายเชน
รมว.พาณิชย์ ระบุว่า กระทรวงเดินหน้ากลยุทธ์ “Balance–Inclusive–Diversify” เพื่อรักษาและขยายตลาดส่งออกเดิม พร้อมเพิ่มตลาดใหม่ ดึงไทยเข้าสู่ซัพพลายเชนระดับโลกชุดใหม่ และสร้างความสมดุลทางการค้ากับประเทศคู่ค้า โดยมีเป้าหมายทำให้เศรษฐกิจไทยตอบโจทย์ “Demand Driven, High Value และ Supply Resilient”
คืบหน้าเจรจาการค้า–ดึงเอกชนสหรัฐฯ ร่วมส่งสัญญาณช่วยคลี่คลายภาษี
นางศุภจี เปิดเผยถึงการเจรจาการค้าและภาษีกับสหรัฐฯ ว่า ขณะนี้การเจรจายังคงดำเนินในระดับคณะทำงาน และฝ่ายไทยพยายามให้โมเมนตัมการพูดคุยกลับมาเดินหน้าอีกครั้ง หลังเกิดเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับการเดินทางไปสหรัฐฯ ตนได้พบหารือกับผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการสหรัฐฯ พบว่า สินค้าเกษตรหลายรายการในตลาดสหรัฐฯ มีราคาปรับสูงขึ้น เช่น เนื้อวัว กาแฟ และโกโก้ จนรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องพิจารณาลดภาษี ตนจึงได้ลงรายละเอียดว่า สินค้าใดบ้างที่จะเสนอให้อยู่ในบัญชียกเว้นภาษี (Exemption list) เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้หารือกับ U.S. Business Council ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งฝ่ายสหรัฐฯ ขอให้ไทยช่วยผลักดันการเจรจา U.S. Trade ให้สำเร็จ เพราะบริษัทอเมริกันจำนวนมากลงทุนในไทยและอาจได้รับผลกระทบ หากผลการเจรจาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จึงเป็นเหตุให้ต้องส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าแนวทางใดจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสหรัฐฯ เช่นเดียวกับไทย
รมว.พาณิชย์ ระบุว่า การลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ที่หลั่งไหลเข้ามาในไทยเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับฐานการผลิต แต่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเพิ่มการใช้ Local Content เพื่อตอบโจทย์กฎถิ่นกำเนิดสินค้า (RVC) และลดความเสี่ยงจากข้อกล่าวหาการส่งออกถ่ายลำ (transshipment) ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงซัพพลายเชนกับเศรษฐกิจท้องถิ่น สร้างงาน และเปิดโอกาสให้ SMEs ไทยเข้าสู่ระบบการผลิตโลกมากขึ้น
รมว.พาณิชย์ ย้ำว่า ไทยต้อง “ปรับแบบเจาะลึก” เพื่อยกระดับศักยภาพประเทศให้สอดรับความต้องการของตลาดโลก วางรากฐานสู่การผลิตสินค้ามูลค่าสูง (High Value) และสร้างซัพพลายเชนที่มีเสถียรภาพ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยแข็งแรงและแข่งขันได้ในระยะยาว

