
JKN: เจ๊งบนเงินคนอื่น
“แอน” ก็คือ “JKN” และ JKN” ก็คือ “แอน” ด้วยเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวของเธอ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จึงเป็นบริษัทผู้นำเดี่ยวที่แสดงตัวตนของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
“แอน” ก็คือ “JKN” และ JKN” ก็คือ “แอน” ด้วยเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวของเธอ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จึงเป็นบริษัทผู้นำเดี่ยวที่แสดงตัวตนของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
แอนเดินถูกทางบริษัทก็เจริญ แต่หากแอนเดินผิดทาง บริษัทก็ล่มจม ขึ้นอยู่กับว่า เธอล่มจมบนเงินคนอื่น (OPM-Other People Money) หรือเงินตัวเองเท่านั้น
อาชีพเดิมของแอนหรือจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ทำธุรกิจนำเข้าภาพยนต์เอเชี่ยน ซีรี่ส์มาฉายในประเทศไทย โดยเฉพาะภาพยนตร์เกาหลี ผลงานที่ฮือฮาสะท้านยุทธจักรก็คือ ภาพยนตร์
แดจังกึม ซึ่งเป็นซีรี่ส์ยาวทางโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เป็นที่กล่าวขวัญกันทั้งบ้านทั้งเมือง
ความสุขและความสำเร็จอยู่กับเธอไม่นาน เพราะธุรกิจเกิดการเปลี่ยนแปลง ที่เจ้าของช่องทีวีหรือโรงหนัง หันไปซื้อภาพยนตร์นำเข้าด้วยตนเอง และก็มีแพลตฟอร์มเป็นของตัวเอง ซึ่งจุดนี้ทำให้แอนอยู่ในฐานะเสียเปรียบเป็นอย่างมาก
เธอจึงแก้เกมใหม่ โดยหันมานำเข้าภาพยนตร์อินเดียมาฉาย และประสบผลสำเร็จอย่างมากจากภาพยนตร์อาทิเรื่องหนุมาน พระราม พระศิวะ มหากาลี กำเนิดพระพุทธเจ้าฯลฯ
เธอตั้งความหวังว่าบทเรียนความผิดพลาดของเธอจากแดจังกึม ที่ไม่มีโรงฉาย และไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลในการควบคุมภาพยนตร์ดี ๆ มิให้ตกไปเป็นของ “ผู้ซื้อ” รายอื่น รวมทั้งการไม่มีช่องโทรทัศน์หรือโรงภาพยนตร์เป็นของตัวเองด้วย
ก็พอดีกับการเติมเต็มความฝันในการนำบริษัทของเธอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ใหญ่ (SET) เมื่อ 30 พ.ย. 2560 ในชื่อย่อว่า JKN ระดมทุนได้เงินมาประมาณ 1,120 ล้านบาท และยังออกตราสารหนี้หุ้นกู้รวมทั้งสิ้น 7 รุ่น มูลค่ารวม 2,256 ล้านบาท
แต่กลายเป็นหุ้นที่ผิดนัดชำระเกือบทั้งหมด
หลังเข้าระดมทุนได้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลายเป็นว่า เส้นทางเดินของแอน-จักรพงษ์ ล้วนเดินไปสู่หมุดหมายสังหารเกือบทั้งสิ้น ไปซื้อหุ้นในกิจการโทรทัศน์ช่อง 18 จาก DN บรอดคาสต์ของกลุ่มตระกูลเดลินิวส์บางส่วน แล้วเปลี่ยนมาเป็น JKN18 โดยใช้เงินไปประมาณ 1,000 ล้านบาท
เพื่อเติมเต็มความฝันของแอนว่า หนังดี แต่ไม่มีโรงฉายดังเช่นกรณีแดจังกึม
กรณี เจ้าของช่องโทรทัศน์ หรือโรงภาพยนตร์ไปกว้านซื้อหนังโดยตรงกับผู้ผลิตในต่างประเทศ แต่เมื่อแอนหันไปลุยบ่อทองจากหนังอินเดียแล้ว ก็กว้านซื้อหนังอินเดียมาไว้ในมือทั้งหมด เพื่อล็อกมิให้ผู้ซื้อรายใดมายื้อแย่งจากเธอ
ถึงขนาด แอนเคยออกเงินมัดจำให้ผู้ลิตหนังอินเดียบางรายด้วยซ้ำ พอหนังอินเดียเจอกระแสขาลง แอนก็เลยเจอสต๊อกลิขสิทธิ์หนังอินเดียจำนวนมากที่ขายไม่ออก
ความผิดพลาดเล็กน้อยต่อมาก็คือการซื้อลิขสิทธิ์ข่าว CNBC ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายปีละ 1 ล้านเหรียญฯ หรือ ประมาณกว่า 33 ล้านบาทในตอนนั้น แอนถึงกับประกาศด้วยความไม่รู้อย่างมั่นใจว่า จะทำให้ผู้ชมข่าวสารทางการเงินมาติดตามชมได้ที่ JKN18 เพียงช่องเดียวเท่านั้น
และที่เหวอะหวะที่สุดก็เห็นจะเป็นการเข้าซื้อลิขสิทธิ์การจัดการประชุมมิสยูนิเวิร์สทั่วโลกรวมทั้งไทย มูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาทในขณะนั้น
ผลลัพธ์แห่งความทะเยอะทะยานของแอน-จักรพงษ์ ในที่สุดก.ล.ต.ก็ได้กล่าวโทษต่อ DSI ทั้งแอน JKN และพิมพ์อุมาน้องสาวแอน กรณีร่วมกันสร้างงบการเงินเท็จ ตลอดจนการสร้างลูกหนี้ปลอม-เจ้าหนี้ปลอม
ประกอบกับจักรพงษ์มีคดีถูกฟ้องฉ้อโกงหุ้นกู้จำนวน 30 ล้านบาทจากเอกชนรายหนึ่ง และไม่มาฟังคำพิพากษา เนื่องจากได้หลบหนีออกนอกประเทศไปเม็กซิโก พร้อมกับหอบเงิน 6 พันล้านบาทที่แปลงเป็นเงินคริปโตแล้วตามข่าว ขณะนี้ศาลฯ ได้ออกหมายจับแล้ว
แอนคงไม่กลับมาแล้ว พร้อมปิดตำนานการล่าฝันด้วยเงิน OPM ของคนอื่นในตลาดทุน