TSE พุ่ง 7.98% หลังกำไร Q2/59 แข็งแกร่ง! ปักธงลุยโซล่าฟาร์มญี่ปุ่น

TSE พุ่ง 7.98% หลังกำไร Q2/59 แข็งแกร่ง! ปักธงลุยโซล่าฟาร์มญี่ปุ่น ณ เวลา 11.43 น. อยู่ที่ระดับ 4.60 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 7.98% สูงสุด 4.64 บาท ต่ำสุด 4.36 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 202.55 ลบ. ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะซื้อ ให้เป้า 7.05 บาท/ หุ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาหุ้น บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ณ เวลา 11.43 น. อยู่ที่ระดับ 4.60 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 7.98% สูงสุด 4.64 บาท ต่ำสุด 4.36 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 202.55 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.08%

โดยราคาหุ้น TSE ปรับตัวขึ้นแรง หลังผลกำไรในไตรมาส 2 ปี 59 เริ่มแสดงสัญญาณการเติบโตได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง 

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ส.ค.) แนะนำ “ซื้อ” TSE ในราคา 7.05 บาท/หุ้น หลังพบว่าผลกำไรในไตรมาส 2/59 เริ่มแสดงสัญญาณการเติบโตได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง อีกทั้งราคาหุ้นเอง Undervalue เกินไป ถึง 40% เมื่อเทียบกับสิ่งที่มีในมือ โดยตลาดอาจลืมไปว่า TSE กำลังพัฒนาโครงการโซล่าฟาร์มในญี่ปุ่น ซึ่งล่าสุดจ่ายไฟฟ้าไปแล้ว 3 แห่ง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 6 แห่ง (33MW) เหล่านี้จะทำให้กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 14% p.a. ตลอด 4 ปีนี้

อย่างไรก็ตามในไตรมาส 3/59 ผลกำไรอาจอ่อนตัวลงเล็กน้อยเนื่องจาก การเข้าสู่หน้าฝน ทำให้ผลผลิตกระแสไฟฟ้าจะอ่อนตัวลงตามผลของฤดูกาลปกติ และการอยู่ในช่วงบำรุงรักษาประจำปีของโครงการโซล่าเทอร์มอล (4.5MW) เพื่อที่จะทำให้แผงโซล่าร์ทั้งหมดมีความพร้อมสูงในช่วงไตรมาส 4/59 ซึ่งเป็นช่วงฤดูผลิตกระแสไฟฟ้าที่ดีที่สุดของทุกปี

ขณะที่ครึ่งปีหลังของปี 59 พบว่ากำลังการผลิตของโครงการโซล่าญี่ปุ่น กำลังจะทยอยเข้ามาอีก 3 โครงการ (5.25MW) ทำให้ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม ณ สิ้นปี 2559 จะขยายตัว 13%จากปีก่อนเป็น 74.9MW และจะเร่งตัวเป็น 103MW ในปี 2561 จากการ COD โครงการโซล่าฟาร์มญี่ปุ่นสุดท้าย 2 แห่งในไตรมาส 2/61 โดยโซล่าฟาร์มที่ญี่ปุ่นรวม 36.5MW นี้ จะเป็นสัญญาแบบ FiT ที่ราคารับซื้อไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณ 34 เยน เป็นระยะเวลา 20 ปี และมีข้อดีคือ TSE สามารถกู้เงินลงทุนได้สูง 80-90% ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 2-3% โดยเราประเมิน Project IRR ได้ราว 7-8% ซึ่งผลของกำลังการผลิตใหม่ที่ทยอยเข้าตลอด 3 ปีนี้ ทิศทางของผลกำไรจึงจะขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ย 14% ต่อปี ระหว่างปี 2559-2562

ทั้งนี้จากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี Sum of the parts ด้วยการรวมมูลค่าโครงการทั้งหมดแยกกันด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ได้ราคาเหมาะสม 7.05 บาท/ หุ้น ประกอบไปด้วย โซล่าฟาร์มในไทย 3.39 บาท และ โซล่าฟาร์มในญี่ปุ่น 3.66 บาท ซึ่งพัฒนาการเงียบๆที่ญี่ปุ่น 3 แห่ง และการยืนยันการ COD ตามแผนอีก 6 แห่ง ทำให้ความเชื่อมั่นต่อโครงการ และ Valuation เริ่มมีสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะราคาหุ้นปัจจุบัน ก็สะท้อนมูลค่าพื้นฐานของโครงการทั้งหมดเพียง 60% ขณะที่บริษัทมีความพร้อมสูงแล้ว ทั้งในด้านสัญญารับซื้อไฟฟ้า วงเงินสินเชื่อโครงการ และ ประสบการณ์ จึงมองว่าราคาหุ้นนั้นต่ำเกินไป

 

Back to top button