
จบแบบงงๆ บิ๊กบอส AAV ยืดอกรับ “ผมผิดเอง”
จบแบบงงๆ บิ๊กบอส AAV ยืดอกรับ “ผมผิดเอง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีประเด็น #แอร์กราบ ที่ได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ก.ย.59 นายโทนี่ เฟอร์นันเดซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแอร์เอเชีย ซึ่งเดินทางมายังกรุงเทพฯ ได้เรียกประชุมพนักงานแอร์เอเชีย ทั้งระดับบริหารและพนักงานผู้ปฏิบัติงาน เข้าร่วมประมาณ 100 คน ณ ห้องประชุม ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อช่วงก่อนเที่ยงที่ผ่านมาทั้งนี้ แอร์สาวในข่าวก้มกราบได้มาร่วมประชุมด้วย
โดยนายโทนี่ เฟอร์นันเดซ เปิดเผยว่า ยังยึดมั่นในนโยบายแอร์เอเชียเหมือนที่เคยประกาศไว้ นั่นคือ พนักงานมาเป็นอันดับหนึ่ง ลูกค้ามาลำดับที่สอง เพราะถ้าพนักงานทำงานอย่างมีความสุขก็ย่อมดูแลลูกค้าให้มีความสุข โดยกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาจากสถานการณ์ที่บีบรัด จึงมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ทางฝ่ายบริหารเองก็ไม่นิ่งนอนใจพยายามแก้ไขเต็มที่ พร้อมดูแลพนักงานในฐานะคนครอบครัวเดียวกัน หลังจากนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกพนักงานสามารถส่งอีเมลตรงเข้ามาได้เลยจะช่วยให้คลี่คลายปัญหาต่างๆ ได้เร็ว ดีกว่าไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย
นอกจากนั้น ในช่วงของการประชุม ผู้บริหารใหญ่แอร์เอเชียยังกล่าวให้กำลังใจแอร์โฮสเตสสาวคนที่ตกเป็นข่าวโดนบังคับให้ก้มลงกราบ ขณะที่ผู้ร่วมประชุมต่างปรบมือให้กำลังใจเช่นกัน และมีรายงานด้วยว่า ในวันที่ 9 กันยายน นายโทนี่จะเดินทางไปหาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ กับครอบครัวของแอร์โอสเตสสาวอีกด้วย
ทั้งนี้ นายโทนี่ยังได้โพสต์ภาพถ่ายขณะร่วมประชุมกับพนักงานแอร์เอเชียไทยลงเฟซบุ๊กส่วนตัว Tony Fernandes พร้อมกับเขียนข้อความว่า “Good session with Thai staff. An investigation will be done and action taken that. I met cabin crew and was good. Tomorrow I go to Hat Yai to meet her parents . My fault. I’m the leader We need better procedures on both sides. And we will get better.” (เป็นการประชุมที่ดีร่วมกับพนักงานไทย จะมีการสอบสวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและกำหนดมาตรการตามมา ผมพบกับลูกเรือแล้วและทุกอย่างเป็นไปด้วยดี พรุ่งนี้ผมจะไปหาดใหญ่เพื่อพบกับครอบครัวของเธอ มันเป็นความผิดของผมเอง ผมเป็นผู้นำ เราต้องการการกำหนดขั้นตอนปฏิบัติงานที่ดีขึ้นสำหรับทั้งสองฝ่าย และเราก็จะทำได้ดียิ่งขึ้น)
อย่างไรก็ตาม ผู้คนในสังคมต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุการณ์น่าจะมีทางออกที่ดีกว่าการให้ก้มลงกราบขอโทษและเป็นเรื่องที่ทำเกินกว่าเหตุ อีกทั้ง ตั้งคำถามว่าการกระทำของผู้โดยสารหญิงถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่