บล.กสิกร ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปีนี้ 4.25% หวังไต่ขึ้นอันดับ 6

นายธิติ ตันติกุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไว้ที่ 4.25% หรือขึ้นไปอยู่อันดับที่ 6 ของตลาด ก่อนที่จะขึ้นไปอยู่อันดับที่ 1 ใน 5 ของตลาด ในปี 61 จากปีก่อนอยู่อันดับที่ 9 ของตลาด โดยตั้งเป้ายอดบัญชีเปิดใหม่ที่ 1.8 หมื่นบัญชี จากปีก่อนที่ 1.4 แสนบัญชี ที่แบ่งเป็นรายย่อย 80% และส่วนที่เหลืออีก 20% คือส่วนของสถาบัน

โดยบริษัทจะใช้กลยุทธ์การให้ความรู้แก่นักลงทุน และพัฒนาระบบการซื้อขายในแบบออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์นักลงทุนมากขึ้นด้วย รวมทั้งมีเป้าหมายการเพิ่มบทวิเคราะห์ให้ครอบคลุมหลักทรัพย์ให้เพิ่มเป็น 130 บริษัท จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 99 บริษัท และร่วมมือกับ Jefferies ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก เผยแพร่บทวิเคราะห์ไปยังต่างประเทศ เพื่อชักชวนนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น 

ทั้งนี้บริษัทมุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาคุณภาพรอบด้านเป็นหลัก เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการในเชิงลึกและนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดในตลาด ทั้งการเพิ่มศักยภาพการทำงานของระบบหน้าบ้านและหลังบ้านให้สอดคล้องกันอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมๆไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนำไปใช้เพิ่มศักยภาพของผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนให้สามารถสร้างผลตอบแทนในทุกสถานกาณ์ตลาดได้ เช่น การพัฒนาDW11 รุ่นหยุดเวลา และบริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ เป็นต้น  เพื่อเป้าหมายสำคัญคือ สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าทุกกลุ่มและทุกสไตล์การลงทุน

พร้อมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีด้านการลงทุน โดยเน้นการพัฒนาตัวช่วยและฟังก์ชั่นใหม่ของ KS Super Stock เพื่อการลงทุนที่ครบทุกขั้นตอนและใช้งานได้ในทุกอุปกรณ์การลงทุน ณ.ปัจจุบันแอพลิเคชั่นมียอดดาวน์โหลดทั้งสิ้น 130,000 ครั้ง ได้รับการจัดอันดับความพึงพอใจจากผู้ใช้งานอยู่ที่ 4.5 คะแนน และพัฒนา KS Super Portfolio โปรแกรมที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพอร์ตการลงทุน 3 ปีย้อนหลังได้เชิงลึกพร้อมแนะนำหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ เป็นต้น     

“ด้วยภาวะตลาดที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความเสี่ยงมากขึ้นด้วย และด้วยความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ เราจึงมองว่าความผันผวนก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็จะเป็นผลดีต่อธุรกิจนายหน้าซื้อขายหุ้น นอกจากนี้ก็ยังเป็นผลให้นักลงทุนมองหาเครื่องมือการลงทุนในแบบอื่นๆเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย เราจึงมองว่าปีนี้แม้จะเป็นปีที่ยากลำบากแต่เชื่อว่าผลประกอบการจะออกมาในทิศทางที่ดีต่อเนื่องได้” นายธิติ กล่าว        

 

ด้าน นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในปีนี้เพิ่มเป็น 4-5 ราย จากปีก่อนที่มี 3 ราย โดยปัจจุบันยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ไปแล้ว 2 ราย เป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านพลังงาน ส่วนที่เหลือระหว่างเตรียมการ โดยในปีนี้จะมีมูลค่าการระดมทุนใกล้เคียงหรือมากขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนมีสัดส่วนที่ 18% ของมูลค่าการระดมทุนของตลาดรวมที่ 3.2 หมื่นล้านบาท

สำหรับทิศทางตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงไตรมาส 1/60 ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทยวางกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้นักลงทุนเน้นการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อรับมือความผันผวนของตลาดจากแนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ กระแสเงินทุนไหลออกและดอกเบี้ยขาขึ้น เน้น Very Selective Buy หุ้นแข็งแกร่งในกลุ่มนี้ได้แก่ กลุ่มที่จะชดเชยการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อและดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มพลังงานสายบริษัทต้นน้ำ คือ PTT ,PTTEP และ BANPU  หุ้นที่มีแบรนด์แข็งแกร่งมีศักยภาพสูง สามารถผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคได้และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล คือ BEAUTY , BIG , GLOBAL และ TKN  หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า คือ MEGA 

ขณะที่ บล.กสิกรไทยวางกรอบการเคลื่อนไหว ดัชนี SET INDEX ปี 2560 ไว้ที่ 1,360-1,570 จุด PER 13-15 เท่า และให้ Dividend Yield เฉลี่ยที่ 3%