
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 8 ก.พ.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ เมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ดีดตัวขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงบริษัทไทม์ วอร์เนอร์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,054.34 จุด ลดลง 35.95 จุด หรือ -0.18% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,682.45 จุด เพิ่มขึ้น 8.23 จุด หรือ +0.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,294.67 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับขึ้นเล็กน้อย เมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่เงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูผลการลงมติในร่างกฎหมายว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในสภาสามัญชน (House of Commons) ซึ่งจัดขึ้นภายหลังจากที่ตลาดหุ้นปิดทำการ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 2.60 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 7,188.82 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศยูโรโซน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากบริษัทรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ ซึ่งรวมถึงบริษัท A.P. Moller-Maersk ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมันและเดินเรือของเดนมาร์ก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ดีดขึ้น 0.3% ปิดที่ 363.94 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดที่ 4,766.60 จุด เพิ่มขึ้น 12.13 จุด, +0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดวันทำการล่าสุดที่ 11,543.38 จุด ลดลง 6.06 จุด, -0.05% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดวันทำการล่าสุดที่ 7,188.82 จุด เพิ่มขึ้น 2.60 จุด, +0.04%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้น เมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น แม้ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากเกินคาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค.ขยับขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 52.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 55.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อันเนื่องมาจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการเมืองในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ด้านการเลือกตั้งในฝรั่งเศส และนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่กีดกันพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 3.40 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ระดับ 1,239.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.2559
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 5.1 เซนต์ หรือ 0.29% ปิดที่ 17.705 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 1,019.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 5.30 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 769.75 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆเกือบทั้งหมด ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.พ.) ด้วยแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.06 เยน จากระดับ 112.10 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9953 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9976 ฟรังก์สวิส
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0688 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0694 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2530 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2515 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลีย แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7637 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7633 ดอลลาร์