“ไวส์ โลจิสติกส์” ยื่นไฟลิ่งกับก.ล.ต. หวังเข้าเทรด SET

“ไวส์ โลจิสติกส์” ผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งทางด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศได้ยื่น Filing version กับก.ล.ต. แล้ว โดยจะขายหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น ทุนจดทะเบียน 300 ลบ. หวังเข้าเทรด SET โดยมีบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ ได้ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 9 เม.ย.58 เพื่อเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น แบ่งเป็น 142,500,000 หุ้นเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป และอีก 7,500,000 หุ้น เสนอขายต่อผู้บริหาร (ที่มิใช่กรรมการ) ของบริษัท และพนักงานของบริษัท โดยมีบล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ บริษัทมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อลงทุนในรถบรรทุกหัวลาก-หางพ่วงจำนวน 80 ล้านบาทภายในไตรมาส 2/59, ลงทุนในคลังสินค้า จำนวน 150 ล้านบาทภายในปี 60, ขยายพื้นที่ลานจอดรถบรรทุก จำนวน 10 ล้านบาทภายในปี 59, เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศ จำนวน 10 ล้านบาทภายในไตรมาส 1/59 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

โดยบริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ เป็นผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งทางด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ (International Logistics) ในหลายรูปแบบ โดยมีทุนจดทะเบียน 300,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 600,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 225,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 450,000,000 หุ้น และทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO จะมีจำนวน 300,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 600,000,000 หุ้น

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทงวดปี 57 มีรายได้รวม 676.77 ล้านบาท กำไรสุทธิ 62.44 ล้านบาท ขณะที่มีสินทรัพย์รวม 358.52 ล้านบาท หนี้สินรวม 80.30 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 278.22 ล้านบาท

สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 3 อันดับแรก ของบริษัท ณ วันที่ 3 เม.ย.58 ประกอบด้วย นางอารยา คงสุนทร ถือหุ้น 153,939,380 หุ้น(34.21%) หลังเสนอขายหุ้น IPO แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 25.65%, นายชูเดช คงสุนทร  ถือหุ้น 108,939,320 หุ้น(24.21%) หลังเสนอขายหุ้น IPO แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 18.15% และนางสาวฐิติมา ตันติกุลสุนทร ถือหุ้น 66,857,280 หุ้น(14.86%) หลังเสนอขายหุ้น IPO แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 11.14%

โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และสำรองตามกฎหมายสำหรับงบการเงินเฉพาะของบริษัท

Back to top button