“ริช สปอร์ต” ปลื้มโรดโชว์กระแสตอบรับท่วมท้น เล็งเคาะราคา IPO ต้นพ.ย.นี้

“ริช สปอร์ต” หรือ RSP เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าประเภทรองเท้า เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ปลื้มโรดโชว์กระแสตอบรับท่วมท้น เล็งเคาะราคา IPO ต้นพ.ย.นี้ คาดเข้าเทรดกลางพ.ย.60


น.ส.พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) และเปิดให้จองซื้อได้ในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ได้ภายในช่วงกลางเดือน พ.ย.60

โดย RSP เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าประเภทรองเท้า (Footwear) เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายอื่นๆ (Apparel) ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำจากต่างประเทศ ได้แก่ Converse และ Pony เพียงรายเดียวในประเทศไทย

ทั้งนี้ ในวันที่ 30 ต.ค.บริษัทจะจัดการข้อมูลนักลงทุน (โรดโชว์) เป็นครั้งสุดท้ายที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ บริษัทได้เดินสายโรดโชว์ไปที่ เชียงใหม่ ข่อนแก่น หาดใหญ่ และชลบุรี ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับเป็นอย่างล้นหลาม เชื่อว่าเป็นเพราะการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีแผนการขยายการเติบโตในอนาคต โดยเฉพาะการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศของแบรนด์สินค้า Converse และ Pony ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทย

ประกอบกับแบรนด์หลักอย่าง Converse เป็นแบรนด์สินค้าระดับโลกที่มีความแข็งแกร่ง และมีลูกค้าทั้งในและต่างประเทศที่ซื้ออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา 3 ปี (ปี 57-59) มีการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 10% ต่อปี

สำหรับการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนใน SET ครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดศักยภาพในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายสาขาของร้าน Converse และ Pony ไปให้ครอบคลุมและเข้าถึงลูกค้ามากขึ้น และเพื่อสนับสนุนยอดขายให้มีการเติบโตมากขึ้นในอนาคต ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายเฉลี่ยจะเติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 10%

ขณะที่กลยุทธ์การขยายสาขาร้าน Converse หลังจากมีสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 155 แห่ง แบ่งเป็นร้านค้าปลีกของบริษัทจำนวน 41 แห่ง และเคาน์เตอร์จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า 114 แห่ง ก้าวต่อไปบริษัทอยู่ระหว่างวางแผนจะขยายเข้าไปในกรุงพนมเปญของกัมพูชา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเช้าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าอิออนมอลล์ คาดว่าจะเปิดสาขาแรกได้ภายในปี 61 ส่วนสาขาต่อไปคาดว่าจะเปิดในอิออน มอลล์ 2 และห้างพาร์คสัน เป็นต้น

“ที่เราเลือกเข้าไปเปิดสาขา Converse ในกัมพูชาเป็นประเทศแรก เพราะเราได้ทำการศึกษามาพบว่าประชาชนกัมพูชาจำนวนมากมีความนิยมใส่รองเท้าและเสื้อผ้าของ Converse มาก และได้เดินทางมาหิ้วสินค้า Converse จากไทยไปขาย โดยเฉพาะรองเท้า อีกทั้งประชาชนในกัมพูชาเริ่มมีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้เรามองว่าเป็นโอกาสที่จะเริ่มเข้าไปรุกตลาดในกัมพูชา ซึ่งตอนนี้กำลังคุยเรื่องพื้นที่กับห้างย่างอิออน มอลล์อยู่ ก็คาดว่าอาจจะเป็นปี 61 น่าจะเปิดสาขาในกัมพูชาได้”น.ส.พาพิชญ์ กล่าว

ส่วนการขยายสาขาร้าน Converse ในประเทศยังเน้นการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าใหม่ในกลุ่มเซ็นทรัล โรบินสัน และเดอะมอลล์ เป็นหลัก เนื่องจากบริษัทมีความมั่นใจด้านการเข้ามาใช้บริการของลูกค้าทั้งบริเวณรอบๆห้างสรรพสินค้าและนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและลูกค้าสามารถรับรู้แบรนด์ได้อย่างทั่วถึง

โดยสิ่งที่เด่นชัดที่สุดของแบรนด์ Converse คือสามารถเข้าถึงและตอบสนองลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้ยอดขายของ Converse มีการเติบโตที่สูงขึ้นทั้งในสาขากรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยสาขาที่มียอดขายสูงที่สุดในปัจจุบัน คือ สาขาเมกา บางนา ซึ่งขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งแทนสาขาสยามพารากอน ซึ่งเคยมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่อง

Comverse เป็น Global Brand ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทำให้การทำการตลาดของ Converse ไม่ค่อยยากมากนัก ทุกวันนี้ Converse มียอดขายเป็นอันดับ 3 ในห้างสรรพสินค้าในประเทศรองจาก Adidas และ Nike แต่สิ่งที่เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ Converse ได้กระจายไปเข้าถึงลูกค้าในประเทศให้ได้มากขึ้น ทำให้การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นเรื่องที่สำคัญ

ซึ่งเรายังมองว่าการขยายสาขาไปตามห้างสรรพสินค้ายังเป็นช่องทางการจัดจำหน่ายที่ดี เพราะเรามั่นใจ Traffic ของคนที่เข้ามาใช้บริการในห้างทุกวัน ทำให้การเข้าถึงและการรับรู้ของลูกค้าง่ายขึ้น โดยการลงทุนขยายสาขาในห้างใช้เงินลงุทนเฉลี่ยสาขาละ 4-5 แสนบาท ขณะที่การเปิดช้อปเองใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 3-4 ล้านบาท/สาขา”น.ส.พาพิชญ์ กล่าว

ส่วนแบรนด์น้องใหม่อย่าง “Pony” ที่บริษัทเพิ่งได้รับสิทธิในการผลิตและจำหน่ายเป็นระยะเวลา 5 ปี เมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา และเพิ่งได้เริ่มขายอย่างไม่เป็นทางการไปเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยได้เปิดสาขา Pony ไปแล้วทั้งหมด 20 สาขา หลังจากเปิดขายอย่างไม่เป็นทางการระยะหนึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า สามารถสร้างยอดขายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ Pony เป็นแบรนด์จากนิวยอร์กและมีชื่อเสียงอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ อีกทั้งเป็นแบรนด์รองเท้าที่มีราคาไม่สูง ทำให้บริษัทเห็นถึงช่องว่างของตลาดในกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ซึ่งปัจจุบันแบรนด์ Converse จะเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน

โดยบริษัทเชื่อว่าแบรนด์ Pony จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ช่วยผลักดันการเติบโตของยอดขายได้ในอนาคต ซึ่งหลังจากนี้บริษัทจะทยอยเปิดสาขา Pony ให้ครบภายในสิ้นปี 60 เป็นทั้งหมด 38 สาขา งบลงทุนเฉลี่ย 200,000 บาท/สาขา เน้นการขยายในห้างสรพพสินค้าทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

พร้อมกับในปี 61 บริษัทจะเปลี่ยนสายการผลิตรองเท้า Convese ที่โรงงานย่านพระราม 2 เป็นสายการผลิตรองเท้า Pony ทั้งหมด ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.2 ล้านคู่/ปี เพื่อทำให้ได้ราคาถูกกว่าการนำเข้า โดยเริ่มต้นคู่ละ 990 บาท พร้อมเตรียมจัดงานเปิดตัวแบรนด์ Pony อย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พ.ย.60 ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งจะมีการนำดาราฮอลลีวูดส์ คือ Lindsay Lohan มาร่วมงานด้วย

Pony เราเพิ่งได้สิทธิในการผลิตและจัดจำหน่ายในไทย กัมพูชา และลาว ระยะเวลา 5 ปี เมื่อเดิอนก.ย. ที่ผ่านมา ตอนนี้รองเท้า Pony ที่อาเข้ามาขายก็เป็นการนำเข้ามาก่อน ปีหน้าก็จะเปลี่ยนไลน์ผลิตของ Converse เป็น Pony ที่ โรงงานของบริษัทที่พระราม 2 ทั้งหมด เพื่อที่ราคาจะได้ถูกลง ซึ่งเริ่มต้น 990 บาท

ส่วน Converse เราก็จะเปลี่ยนเป็นการนำเข้ามาแทน ซึ่ง Converse เราได้สิทธิในการจัดจำหน่าย 3 ปี การขยายสาขาร้าน Pony ตอนนี้ก็เน้นนประเทศก่อน ต่างประเทศขอไปศึกษาดูความต้องการสักพักหนึ่ง ซึ่งหากไปรุกตลาดต่างประเทศจริงๆก็คงจะไปประเทศเพื่อนบ้านที่เราได้รัยสิทธิก่อน”น.ส.พาพิชญ์ กล่าว

ด้านแนวโน้มยอดขายของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะยอดขายจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่ทำยอดขายได้อยู่ที่ 1.12 พันล้านบาท เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกในประเทศ และส่งผลต่อยอดขายของบริษัทเช่นกัน ซึ่งแนวโน้มยอดขายทั้ง 3 ไตรมาสของปีนี้ยังไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับปีก่อน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/60 ตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป เพราะเป็นช่วงที่การทำกิจกรรมต่างๆจะกลับมาคึกคัก และเป็นช่วงปลายปีที่จะมีการจับจ่ายสอยใช้กันอย่างมาก รวมไปถึงการกระตุ้นผ่านกิจกรรมทางการตลาดต่างๆที่จออกมา โดยงบการตลาดของแบรนด์ Converse อยู่ที่ 3-4% ของยอดขายรวม และงบการตลาดของแบรนด์ Pony อยู่ที่ 5-7% ของยอดขายรวม

นอกจากนี้ในปี 61 คาดว่าจะเห็นยอดขายที่กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากภาวะของกำลังซื้อในประเทศที่เริ่มทยอยฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ พร้อมกับบริษัทมียอดขายของแบรนด์ Pony ที่มีการทำการตลาดได้เต็มปีในปีหน้าเข้ามาเสริม ขณะที่แบรนด์ Converse จะเริ่มเปิดสาขาในกัพูชา รวมถึงการขยายสาขาใหม่ในประเทศราว 5-8 สาขา/ปี เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันยอดขายให้เติบโต

ส่วนการนำแบรนด์สินค้าอื่นๆจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในอนาคตนั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา ซึ่งยังคงเป็นสินค้าในกลุ่มแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และกีฬา ทั้งแบรนด์จากสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย โดยยังไม่มีระยะเวลาที่แน่ชัดในการนำแบรนด์ใหม่เข้ามา เพราะในช่วงนี้บริษัทจะเน้นการทำการตลาดแบรนด์ Pony ที่เพิ่งเริ่มจำหน่ายให้มีลูกค้ารู้จักมากขึ้นก่อน

อนึ่ง RSP จะเสนอขาย IPO จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 25.97% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

โดยแบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน 195 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.32% และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท และบริษัทย่อย จำนวน 5 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.65% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

สำหรับวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดศักยภาพการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งจะใช้เงินสำหรับการขยายสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

Back to top button