ILINK คาดรายได้ปีนี้โตกว่า 3 พันลบ. เตรียมยืนไฟลิ่ง “อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม” เดือน ก.ย.นี้

ILINK คาดรายได้ปีนี้โตมากกว่า 3 พันลบ. ตั้งเป้าผลการดำเนินงานในอนาคตจะมีรายได้แตะ 1 หมื่นลบ. เตรียมยืนไฟลิ่ง “อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม” ได้ในเดือน ก.ย.นี้ คาดเข้าเข้าเทรดได้ใน Q4/58 หรือ Q1/59


นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้เป็นวันแรก โดยคาดหวังดึงดูดนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทมากขึ้น จากปัจจุบันมีนักลงทุนสถาบันถือครองหุ้นอยู่ราว 5-6% รวมถึงเพื่อช่วยผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตแตะ 10,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้น่าจะเติบโตได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท โดยจะมาจากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ราว 100 ล้านบาท ในไตรมาส 3/58 ที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีถัดไป ขณะที่ยังแผนเข้าประมูลงานเพิ่มอีก 5,000-6,000 ล้านบาท คาดหวังจะได้งานราว 2,500 ล้านบาท

โดยบริษัทมีเป้าหมายว่าจะทำให้รายได้เติบโตเฉลี่ยต่อปี 20% และคาดหวังรายได้จะแตะ 10,000 ล้านบาทในอนาคต ซึ่งจะมาจากงานต่างๆที่เรามีการเข้าไปประมูลและได้มา และการลงทุนในดาต้า เซ็นเตอร์ เพิ่มอีก รวมถึงเราก็มีการผลักดันให้บริษัทย่อยของเราเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งก็จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”นายณัฐนัย กล่าว

สำหรับความคืบหน้าของการนำบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) คาดว่าจะยืนไฟลิ่งได้ในเดือน ก.ย.นี้ และน่าจะเข้าทำการซื้อขายได้ในช่วงไตรมาส 4/58 หรือไตรมาส 1/59 โดยมีการแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนอีก 200 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการเข้าระดมทุนครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้ราว 20% ไปใช้ขยายโครงข่ายให้มากขึ้น และใช้ลงทุนในส่วนของดาต้า เซ็นเตอร์ อีกราว 20% รวมถึงจะนำไปใช้คืนหนี้จากสถาบันทางการเงินราว 40-50% จากปัจจุบันมีหนี้อยู่ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้คืนหนี้บางส่วนจะส่งผลต่อหนี้สินต่อทุน D/E ลดลงเหลือต่ำกว่าปัจจุบันที่อยู่ที่ 0.91 เท่า อีกทั้งที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

Back to top button