ILINK วิ่งต่อ 8% โบรกฯ ชี้มีโอกาสคว้างานเพิ่ม หนุนผลงานโตยาว

ILINK วิ่งต่อ 8% โบรกฯ ชี้มีโอกาสคว้างานเพิ่ม หนุนผลงานโตยาว ล่าสุอยู่ที่ 4.72 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 7.76% มูลค่าซื้อขาย 35.30 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ล่าสุด ณ เวลา 14.56 น. อยู่ที่ 4.72 บาท บวก 0.34 บาท หรือ 7.76% สูงสุดที่ 4.86 บาท ต่ำสุดที่ 4.40 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 35.30 ล้านบาท

โดยบล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ILINK ราคาเป้าหมาย 6.25 บาท/หุ้น คาดผลประกอบการไตรมาส 2/63 ที่ 48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ลดลง 22% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน หนุนโดยฐานที่ต่ำในปีก่อน และธุรกิจกระจายสินค้า และวิศวกรรมที่เติบโตขึ้น 9% และ 30% ตามลำดับ และมีแนวโน้มดีขึ้นจากโครงการของ CC3 ที่เสร็จไปแล้วกว่า 92% ทำให้คาด EPS ปีนี้จะเพิ่มขึ้น 88% ในปี 2563 หนุนโดยการเติบโต 21 – 24% ในปี 2564-2565 จากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น และการประมูลงานใหม่ๆ

ทั้งนี้โครงการ CC3 เป็นปัจจัยที่กดดันอัตรากำไรในปี 2560-2563 ลงเป็น 13 – 18% จากเดิมที่ 22.7 – 23.6% ในปี 2555 – 2559 แต่อย่างไรก็ตาม โครงการนี้จะจบในไตรมาส 2/63 และทำให้ผลประกอบการและอัตรากำไรกลับมาเพิ่มขึ้นในปี 2021F เป็นต้นไป โดยคาดผลประกอบการจะเพิ่มขึ้น 21 – 24% ในปี 2564-2565 จาก 1) ธุรกิจกระจายสินค้าที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 5% 2) ธุรกิจวิศวกรรมที่หนุนโดยงาน CC4 และ 3) รายได้ประจำจากกลุ่มสื่อสารที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ปัจจุบันงานในมือ 1.4 พันล้านบาท เป็นของ APM และ ILINK ยังมีทั้งเงินและคนเหลือสำหรับทำโครงการอื่นๆ โดยอยู่ระหว่างการประมูลงานมูลค่า 7 พัน – 1 หมื่นล้านบาท รองรับรายได้ในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า เช่น เคเบิ้ลใต้น้ำที่บริษัทมีความชำนาญ และการประมูลงานแบบเชิงรับเพิ่มขึ้น

ดังนั้นปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 6.25 บาท อิง PER ที่ 12 เท่าสำหรับปี 2563 และมีปัจจัยบวกจากการซื้อหุ้นคืนสิ้นสุดวันที่ 22 ต.ค. 2563 และธุรกิจวิศวกรรมที่ดีขึ้น แต่มีความเสี่ยงเชิงลบคือ งานใหม่ที่น้อยกว่าคาดและความล่าช้าของโครงการ CC3

ส่วน บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ ILINK ในช่วงไตรมาส 2 จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายได้รวมคาดว่าจะเติบโตขึ้นราว 5% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 0.2% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ตามการเติบโตของรายได้ธุรกิจวิศวกรรม ดังนั้นจึงกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 4.40 บาทต่อหุ้น

Back to top button