AH แรลลี่ยาว! 6 ราคาพุ่ง 36% โบรกฯ อัพเป้า 20.40 บ. รับผลดียอดผลิตรถยนต์ฟื้น

AH แรลลี่ยาว! 6 ราคาพุ่ง 36% โบรกฯ อัพเป้า 20.40 บ. รับผลดียอดผลิตรถยนต์ฟื้น ล่าสุดอยู่ที่ 16.20 บาท บวก 1 บาท หรือ 6.85% มูลค่าซื้อขาย 47.19 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ล่าสุด ณ เวลา 14.42 น. อยู่ที่ 16.20 บาท บวก 1 บาท หรือ 6.85% สูงสุดที่ 16.30 บาท ต่ำสุดที่ 15.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 47.19 ล้านบาท โดย ราคาหุ้น AH ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง 6 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 11.90 บาท เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2563 คิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 36%

ทั้งนี้ บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” AH ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 20.40 บาท/หุ้น โดย AH รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/63 ฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาดไว้มาก โดยพลิกเป็นกำไรสุทธิ 302 ล้านบาท จากไตรมาส 2/63 ที่ขาดทุนสุทธิ 631 ล้านบาท และไตรมาส 3/62 ที่กำไรสุทธิ 204 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ขณะที่จากผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนปี 2563 ที่ออกมาดีกว่าคาดจากการพลิกฟื้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3/63 จึงพิจารณาปรับเพิ่มประมาณการปี 2563 เป็นกำไรสุทธิ 168 บาท จากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 91 ล้านบาท และปรับเพิ่มกำไรปี 2564 ขึ้นจากเดิม 130% เป็น 839 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 389% เมื่อเทียบจากปีก่อน)

โดยมีปัจจัยหนุนจากลูกค้าค่ายรถยนต์กลับมาเร่งการผลิต ซึ่งเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปี 2563 ของ ส.อ.ท.คาดไว้อยู่ที่ 1.4 ล้านคัน (ลดลง 30% เมื่อเทียบจากปีก่อน) ดังนั้นยอดการผลิตในไตรมาส 4/63 จึงมีโอกาสขยายตัว 23% เมื่อเทียบจากปีก่อน อยู่ที่ราว 4.4 แสนคัน ส่งผลกำไรปกติของบริษัทในไตรมาส 4/63 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน (กำไรสุทธิอาจถูกกระทบจากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า) โดยการใช้กำลังผลิตของ AH เพิ่มเป็นสองกะใกล้กับช่วงไตรมาส 1/63

ส่วนฐานการผลิตในประเทศโปรตุเกส บริษัทอาปิโก ไมอากลับมาถึงจุดคุ้มทุนแล้วส่วนธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จะได้แรงหนุนจากตลาดในประเทศไทยที่ดีขึ้น และในประเทศมาเลเซียทยอยฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นลดภาษีรถยนต์ใหม่จนถึงสิ้นเดือนธ.ค.63 และการขยายธุรกิจจำหน่ายรถยนต์โปรตอน

สำหรับการเติบโตในปี 64 จะมาจากยอดขายที่ฟื้นตัวตามภาวะตลาด โดยคาดยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.50 ล้านคัน (เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบจากปีก่อน ) และรักษาอัตรากำไรผ่านการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

Back to top button