PDI พลิกวิกฤตเป็นโอกาส! ลุยปรับโมเดลมุ่งสู่ธุรกิจรร. เชื่อ “โฟร์ซีซั่นส์” ดันผลงานโตแรง!

PDI พลิกวิกฤตเป็นโอกาส! ลุยปรับโมเดลมุ่งสู่ธุรกิจรร. เชื่อ “โฟร์ซีซั่นส์” ดันผลงานโตแรง!


นายทอมมี่ เตชะอุบล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทฯ อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจโรงแรม และการบริการเป็นหลัก สำหรับผลกระทบจากการระบาดของโควิด 19 นั้น มองว่าธุรกิจโรงแรมและการบริการได้เจอกับวิกฤตการณ์ที่ยากลำบากที่สุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดน้อยลง และโรงแรมหลายแห่งได้รับผลกระทบ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองเห็นโอกาสในการเข้าลงทุน โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเข้าซื้อกิจการที่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ได้ทันที และให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในระยะยาวโดยมองว่าเมื่อธุรกิจโรงแรม และบริการฟื้นตัวจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์จากการที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์

“PDI จะมุ่งเน้นธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก และในช่วงวิกฤตโควิด 19 นี้ ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับบริษัทฯ ในการเข้าซื้อโรงแรม โดยบริษัทจะเลือกซื้อกิจการที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันการสร้างรายได้ที่แข็งแกร่ง และให้ผลตอบแทนการลงทุนสูง สำหรับโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ที่บริษัทจะเข้าซื้อกิจการ นั้น ถือเป็นโรงแรมที่มีจุดเด่นทั้งด้านโลเคชั่น ติดแม่น้ำเจ้าพระยา และการตกแต่งแบบเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมียอดการใช้บริการทั้งร้านอาหาร และมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

ถึงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง แต่ยังมีลูกค้าในประเทศมาพักผ่อนทดแทนการที่เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ นอกจากนี้โรงแรมยังมีห้องประชุมจัดเลี้ยงซึ่งมีพื้นที่ให้บริการได้กว่า 5,000 ตารางเมตรท่ามกลางทิวทัศน์ริมแม่น้ำเต็มรูปแบบ อีกด้วย”  นายทอมมี่ กล่าว

อนึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้ PDI เข้าซื้อกิจการโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ ซึ่งมีมูลค่าสุทธิกิจการรวม 10,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ PDI จะเข้าถือหุ้นร้อยละ 51 ในบริษัท Urban Resort Hotel จำกัด (“FSH”) และบริษัท Waterfront Hotel จำกัด (“CPH”) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่จัดตั้งขึ้นสำหรับโรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ ตามลำดับ จากบริษัท แลนด์มาร์ค โฮลดิ้งส์ จำกัด (“LH”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มูลค่าเงินลงทุนรวม 2,805 ล้านบาท

โดยโฟร์ซีซั่นส์ฯ มีห้องพักจำนวน 299 ห้อง และคาเพลลาฯ มีห้องพักและวิลล่าจำนวน 101 ห้อง ซึ่งโรงแรมทั้งสองแห่งนี้ได้เปิดดำเนินการเมื่อไม่นานมานี้และตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 35 ไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาผืนสุดท้ายและเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพฯ โดยเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญแหล่งหนึ่งของประเทศ ในการซื้อกิจการครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้เงินทุนที่มีอยู่และจัดสรรไว้สำหรับการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและการบริการ

ทั้งนี้หากโรงแรมทั้งสองแห่งได้มีเปิดดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2564 เป็นปีแรก บริษัทฯ คาดว่า จะมีรายได้จากโรงแรมทั้งสองแห่งรวมกันสูงกว่ารายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่นรวม 50 เมกะวัตต์ ซึ่งแม้ในสภาวะตลาดที่ยากลำบากในเวลานี้แต่โรงแรมทั้งสองแห่งก็เปิดตัวได้อย่างประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับที่ดีมียอดการใช้บริการทั้งร้านอาหาร ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลกและห้องประชุมจัดเลี้ยงซึ่งมีพื้นที่ให้บริการได้กว่า 5,000 ตารางเมตรท่ามกลางทิวทัศน์ริมแม่น้ำเต็มรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์อย่างล้นหลาม

ขณะที่ต่อจากการซื้อกิจการโรงแรมดังกล่าว บริษัท จะมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจโรงแรมและการบริการเป็นหลัก และยังได้เตรียมเงินลงทุนเพิ่มเติมผ่านการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักซึ่งรวมถึงที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมสังกะสีเดิม ตลอดจนแผนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับบริษัทฯ ในการลงทุนเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้อนุมัติแผนการขายหุ้นทั้งหมดของบริษัทที่ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซล่าร์ฟาร์มในประเทศไทยกำลังการผลิตรวม 36.4 เมกะวัตต์ ซึ่งถือหุ้นโดยบริษัทย่อยของบริษัท พีดีไอ เอ็นเนอร์ยี จำกัด ให้กับบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ในมูลค่า 1,705 ล้านบาท และจะพิจารณาหาผู้ลงทุนซื้อโรงไฟฟ้าโซล่าร์ฟาร์มอีก 13 เมกะวัตต์ในประเทศญี่ปุ่นต่อไป

อย่างไรก็ตามบริษัท คาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นและดำเนินธุรกรรมดังกล่าวทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564

Back to top button