STA พุ่งต่อ 8% เคลิ้มแผนปลูก “กัญชง” รับอานิสงส์ต้นน้ำหนุน

STA พุ่งต่อ 8% เคลิ้มแผนปลูก “กัญชง” รับอานิสงส์ต้นน้ำหนุน โดย ณ เวลา 10.56 น. อยู่ที่ระดับ 46.75 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 8.09% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.65 พันล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ณ เวลา 10.56 น. อยู่ที่ระดับ 46.75 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 8.09% สูงสุดที่ระดับ 48.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 44.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.65 พันล้านบาท

บริษัท คลาสสิก ออสสิริส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า แนวโน้มราคายางมีโอกาสเพิ่มขึ้น จาก 2 ปัจจัย 1.ความต้องการยางที่เพิ่มขึ้น จากการใช้ถุงมือยางเพิ่มขึ้นในการใช้ของร้านค้าและเครื่องมือทางการแพทย์ ที่ใช้ในการรักษา และใช้ในช่วงฉีดยาต้านโควิด-19 และ 2.ความต้องการยางเพิ่มขึ้นจาก แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่กำลังขยายตัว เพราะ IMF มองว่าเศรษฐกิจโลกปีที่แล้วที่ดีกว่าคาด คือ หดตัวน้อยกว่าที่ประเมินไว้ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี ที่การใช้จ่ายภาคครัวเรือนฟื้นตัวเข้มแข็งในไตรมาสสาม หลังหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นอย่างชัดเจน

ด้านบทวิเคราะห์ บล. ทรีนีตี้ ระบุว่า STA เริ่มขยายธุรกิจไปยังกลุ่มกัญชง โดยที่จะเริ่มต้นที่ 100-200 ไร่ ใน 3 จังหวัดที่เป็นที่ดินของบริษัทอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นขนาดไร่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในขณะนี้ ปัจจุบันนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตและคาดว่าผลิตผลรอบแรกจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ราวเดือนต.ค. 2564 โดยใน 1 ปี จะสามารถปลูกต้นกัญชงได้ 3 รอบ อย่างไรก็ดี เรายังไม่ได้รวบธุรกิจกัญชงในประมาณการของเรา

ดังนั้น ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2564 ที่ 52.80 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้ นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ราคายางพารามีแนวโน้มที่ดีสภาวะตลาดโลกยังคงเอื้อให้ราคายางยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพในขณะนี้ เนื่องจากสภาวะราคาของน้ำยางสดและยางแปรรูปในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าในช่วงเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมาเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงมีความต้องการใช้ยางในตลาดมาก รวมทั้งตลาดยังมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์จากยางพาราเพื่อสุขอนามัยและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นถุงมือยาง อุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น

ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ยางแปรรูปมีมากขึ้นสวนทางกับปริมาณผลผลิตน้ำยางในตลาดโลกที่ลดลง เพราะกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูปิดกรีด สวนยางผลัดใบ ประกอบกับ สวนยางพาราในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซียประสบโรคระบาด และเสียหายจากอุทกภัยรวมกว่า 5 ล้านไร่ จึงมั่นใจว่าแนวโน้มของราคายางแผ่นรมควันและยางก้อนถ้วยยังปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด

Back to top button