“เอเชีย เวลท์” คาด THANI ไตรมาส 2 ฟื้น “ต้นทุน-ตั้งสำรองลด” ครึ่งปีหลังปล่อยสินเชื่อคึก

“บล.เอเชีย เวลท์” คาดการณ์ THANI ไตรมาส 2 ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า รับอานิสงส์ต้นทุนการเงินที่ลดลง และการตั้งสำรองที่ลดลง เชื่อครึ่งปีหลังปล่อยสินเชื่อคึกคัก คำแนะนำแนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.72 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (28 พ.ค. 2564) เกี่ยวกับ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ THANI โดยประเมินว่าแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 จะมีการฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการเพิ่มสัดส่วนในการใช้เงินกู้ทางการเงินระยะสั้นมากขึ้น และความเข้มข้นของการตั้งสำรองที่ลดลงจาก 106 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2564 มาอยู่ที่ระดับ 70-80 ล้านบาท โดยบริษัทยังมองว่าสินเชื่อที่อยู่ในมือปัจจุบันอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

ทั้งนี้แนวโน้มของการเติบโตสินเชื่อยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโครวิด-19 ระลอก 3 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นการชะลอตัวเล็กน้อยแต่มากขึ้นเมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตามทางบริษัทคาดการณ์ว่าการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลัง อยู่ที่ระดับ 2,200 ล้านบาทต่อเดือน จากในช่วงไตรมาส 1/2564 ที่เฉลี่ย 1.9 พันล้านบาทต่อเดือน ขณะที่แนวโน้มความคืบหน้าของการกระจายวัคซีนโควิด-19 จะช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเติบโตเพิ่มขึ้น รวมไปถึงแนวโน้มโครงการภาครัฐที่ทยอยออกประมูล โดยจะส่งผลให้กิจกรรมการก่อสร้างเพิ่มมากขึ้นและสนับสนุนความต้องการซื้อรถบรรทุกเพิ่มขึ้น

สำหรับคุณภาพสินทรัพย์อ่อนตัวลงเล็กน้อย ปัจจุบันบริษัทมียอดสินเชื่อรวมที่ 4.8 หมื่นล้านบาท โดยมี NPL อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท คิดเป็น 3.21% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 4/2563 ที่ 3.13% และมี Coverage Ratio ที่ 79.4% ลดลงจาก 81.9% ในไตรมาส 4/2563 ทั้งนี้ปัจจุบันยังมีลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลืออยู่ราว 1,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส่วนของรถแท็กซี่ที่ได้รับ ผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบริษัทได้เพิ่มความเข้มงวดกับลูกค้ามากขึ้นในการติดตามและยึดรถ ซึ่งเห็นได้จากค่าใช้จ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/2564 จากการขาดทุนรถยึดที่เพิ่มขึ้นมากกว่าในไตรมาส 4/2563

ทั้งนี้ “ฝ่ายวิจัย” ยังคงราคาเป้าหมายของ THANI อยู่ที่ 4.72 บาท แนะนำ “ซื้อ” ซึ่งยังมี Upside 11.9% จากแนวโน้มการฟื้นตัวของยอดขายรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้น 50.4% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 1/2564 รวมไปถึงแนวโน้มของการโครงการก่อสร้างของภาครัฐที่จะทยอยออกมา เช่น รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์และรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีส้มส่วนต่อขยาย ได้ช่วยสนับสนุนความต้องการการซื้อรถบรรทุกในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น

Back to top button