DOHOME บวกแรง 4% เก็งฯ กำไรไตรมาส 2 โตกระฉูด โบรกฯ เคาะเป้า 34 บ.

DOHOME บวกแรง 4% มาที่ 26.75 บ. คาดนักลงทุนเก็งกำไร ลุ้นผลงานไตรมาส 2 โตกระฉูด โบรกฯ เคาะเป้า 34 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ล่าสุด ณ เวลา 15.38 น. อยู่ที่ 26.75 บาท บวก 1 บาท หรือ 3.88% สูงสุดที่ 27.75 บาท ต่ำสุดที่ 25.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 481.03 ล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้น DOHOME ปรับตัวขึ้น คาดว่านักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ปี2564 จะเติบโตขึ้น แม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดก็ตาม

โดยบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (10 มิ.ย.) คาดว่า SSSG ของ DOHOME เพิ่มขึ้นประมาณ 25% เมื่อเทียบจากปีก่อนในไตรมาส 2 ปี 2564 หลงจากที่่สูงถึงประมาณ 50% ในเดือนเมษายน 2564 และอยู่ที่ 20% ในเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม หรือ SSSG ที่ดีมากในช่วงสองเดือนแรกของไตรมาส 2 เป็นผลมาจากฐานที่ต่ำเนื่องจากมีการปิดสาขาร้านชั่วคราว (มีการปิด 8 ร้านใหญ่ และ 6 ร้าน Dohome To Go ชั่วคราวในเดือนเมษายน 2563 เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19)

รวมทั้งอุปสงค์ที่แข็งแกร่งตามรายได้ภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รายได้ภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบจากปีก่อนในเดือนเมษายน 2564 (คิดเป็นการเติบโตประมาณ 5% เมื่อเทียบจากปีก่อนสำหรับ 4 เดือนแรก) และราคาพืชผลทางการเกษตรยังอยู่ในระดับสูง (Figure 1 – Figure 4)) อีกทั้งราคาเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (ยอดขายเหล็กคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของยอดขายรวมของบริษัท)

ทั้งนี้ีเนื่องจาก SSSG ของ DOHOME สูงถึง 22.5% ในไตรมาส 1 ปี 2564 และยังมีแนวโน้มจะดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปี 2564 จึงเชื่อว่า SSSG ของบริษทในปีนี้น่าจะเป็นไปตามสมมติฐานของบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ที่ 12%

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของ DOHOME ในไตรมาส 1 ปี 2564 อยู่ที่ 21.7% และน่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2 ปี 2564 เนื่องจากราคาเหลกเพิ่มขึ้น, การใช้กลยุทธ์ขายสินค้า house brand และ product mix ที่ดีขึ้นของร้าน size L  รวมถึงประสิทธิภาพในการต่อรองกับ suppliers ดังนั้นจึงมองว่าสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นของบล.เคจีไอ (ประเทศไทย)  21.4% น่าจะยังมี Upside บ้าง ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นทุกๆ 1ppt จะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ดังนั้นจึงคาดว่ากำไรของ DOHOME จะโตราว 200% เมื่อเทียบจากปีก่อนไตรมาส 2 ปี 2564 และโต 136% เมื่อเทียบจากปีก่อนในปี 2564 จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 34 บาท อิงจาก PER ที่ 38 เท่า

Back to top button