MAJOR ร่วง 13% โบรกฯชี้ ขาดส่วนแบ่งกำไร SF กระทบประเมินมูลค่าเหมาะสม

MAJOR ร่วง 13% นักลงทุนแห่ขายทำกำไร หลังราคาหุ้นสะท้อนดีลขาย SF ไปแล้ว ขณะที่โบรกฯชี้จะไม่ได้รับส่วนแบ่งกำไรอีกต่อไป เพราะส่วนแบ่งกำไรจาก SF คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของกำไรสุทธิของ MAJOR ในแต่ละปี  ดังนั้นการไม่ได้รับรู้กำไรส่วนนี้ในอนาคตจะส่งผลลบต่อการประเมินมูลค่าเหมาะสม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 6 ก.ค.64 ราคาหุ้น บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ณ เวลา 11.11 น. อยู่ที่ระดับ 22 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือลงไป 12.87% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 393.01 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลัง MAJOR  ขายหุ้น บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF ทั้งหมดจำนวน 647.158471 ล้านหุ้น จะได้รับเงิน 7,765.9 ล้านบาท และจะรับรู้กำไรหลังภาษี 2,824 ล้านบาท โดย MAJOR แบ่งเงินที่ได้รับออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. ทยอยชำระหนี้เงินกู้ยืมตามสัญญาประมาณ 5,300 ล้านบาท 2. ใช้เป็นเงินทุนสำหรับแผนการขยายธุรกิจ 265 ล้านบาท และ 3.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 2,200 ล้านบาท แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า MAJOR ซึ่งไม่ได้มีการพูดถึงการจ่ายเงินปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น โดยประโยชน์ที่ MAJOR ได้รับ นอกจากจะรับรู้กำไรพิเศษแบบ One Time ในงวดไตรมาส 3/2564 แล้ว

ทั้งนี้การชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมบางส่วนจะทำให้ MAJOR มีดอกเบี้ยจ่ายลดลง 120-130 ล้านบาท/ปี และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 1.3 เท่า เหลือเพียง 0.35 เท่า อย่างไรก็ตาม MAJOR จะไม่ได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก SF อีกต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาส่วนแบ่งกำไรจาก SF คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของกำไรสุทธิของ MAJOR ในแต่ละปี แต่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 MAJOR เริ่มนำมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 40 (อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน) มาใช้ ทำให้ MAJOR สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก SF ในส่วนของกำไรจากการตีมูลค่าสินทรัพย์เข้ามาด้วย (ก่อนปี 2563 MAJOR ไม่ได้รับรู้กำไรส่วนนี้ )

ทำให้ปัจจุบันส่วนแบ่งกำไรจาก SF มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ของกำไรสุทธิทั้งหมดของ MAJOR ดังนั้นการไม่ได้รับรู้กำไรส่วนนี้ในอนาคตจะส่งผลลบต่อการประเมินมูลค่าเหมาะสมของ MAJOR ภายใต้วิธี PER ค่อนข้างมีนัยสำคัญ แต่หากประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี DCF ที่คำนึงเฉพาะกระแสเงินสด ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าการขายหุ้น SF ออกไปในราคา 12 บาท อาจส่งผลบวกต่อ Valuation ของ MAJOR

เนื่องจากมูลค่าหนี้สินสุทธิที่จะนำมาหักออกจากผลรวมของกระแสเงินสดทั้งหมดของกิจการ จะหักออกในจำนวนที่มากขึ้นเพราะได้รับเงินสดจำนวนมากในการขายหุ้น SF ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างการทบทวนราคาเหมาะสมของ MAJOR ใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจะอยู่ในช่วง 25-27 บาทภายใต้วิธี DCF จากปัจจุบันที่ฝ่ายวิจัยประเมิน FV อยู่ที่ 24 บาท (อิง Historical PER +1SD)

Back to top button