เปิด 10 หุ้น mai ครึ่งปีแรก พุ่งสวนโควิด! ฟันรีเทิร์นกระฉูดเกิน 200%

เปิด 10 หุ้น mai ครึ่งปีแรก พุ่งสวนโควิด! ฟันรีเทิร์นกระฉูดเกิน 200% นำโดย KWM,SAAM,MVP,NCL,KUMWEL,UMS,PJW, KUN,UKEM และ IMH


ภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีแรก 2564 รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 อย่างหนัก จนทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศยกระดับมาตรการควบคุมและสกัดกั้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่มีความในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด โดยจะจำกัดการเคลื่อนย้ายและการรวมกลุ่มของบุคคลขั้นสูงสุด รวมทั้งกำหนดเวลาการออกนอกเคหสถานเป็นเวลา 14 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.นี้

อย่างไรกก็ตามแม้จะมีปัจจัยลบกดดันภาวะตลาดหุ้นไทยแต่ภาพรวมตลาดฯช่วงดังกล่าวยังเป็นขึ้น โดยเห็นได้จากดัชนี SET ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 อยู่ที่ระดับ 1449.35 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ระดับ 1587.79 ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 บวก 138.44 จุด หรือเพิ่มขึ้น 9.55%

ทั้งนี้ทีมข่าว ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจกลุ่มหุ้น SET50 และ SET100 ในช่วง 6 เดือนแรก 2564 นำเสนอไปแล้ว ครั้งนี้จะขอนำเสนอกลุ่มหุ้น mai ครึ่งปีแรก 2564 อีกด้าน โดยทำการคัดเลือกเฉพาะหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง 10 อันแรกของกลุ่มและสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งท่ามกลางวิกฤตโควิด-19

สำหรับกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง 10 อันดับกลุ่ม mai ได้เปรียบเทียบข้อมูลราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.63-30 มิ.ย.64 โดยเรียงลำดับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงมากสุดไปหาน้อยสุด ประกอบด้วย KWM, SAAM, MVP, NCL, KUMWEL, UMS, PJW, KUN, UKEM และ IMH ดังตารางประกอบ

อันดับ 1 บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ราคาหุ้นในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 ปรับตัวขึ้น 535.51% จากระดับ 1.07 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 6.80 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดเล็ก และสัญญาณทางเทคนิคเป็นขาขึ้น อีกทั้งผลประกอบการบริษัทมีแนวโน้มสดใสและประเด็นการแจกวอแรนต์ฟรี

โดย KWM แจ้งผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 25.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.10 ล้านบาท หรือ 406.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.94 ล้านบาท

ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่ 1 (KWM-W1) จำนวนไม่เกิน 140 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราการจัดสรรเท่ากับ 3 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอายุไม่เกิน 2 ปีนับจากวันที่ออก และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ1.50 บาทต่อหุ้น โดยล่าสุดผู้ถือหุ้นอนุมัติเพิ่มทุน 140 ล้านหุ้น พร้อมแจกวอร์แรนต์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจในอนาคต

อย่างไรก็ตามสำหรับแผนการปรับกลยุทธ์เพิ่มไลน์ทางธุรกิจ ส่งผลให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 355.06 ล้านบาท และคาดจะสามารถเติบโตทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้งต่อเนื่องจากปี 2563

อับดับ 2 คือ บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAAM ราคาหุ้นในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 ปรับตัวขึ้น 427.78% จากระดับ 1.08 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 5.70 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 โดยนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดเล็ก เนื่องจากที่ผ่านมามีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนทั้งแผนธุรกิจที่โดดเด่นในปีนี้และผลประกอบการไตรมาส 1/2564 มีกำไร 9.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 7.35 บาท

อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติให้เข้าดำเนินธุรกิจปรับปรุงประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการงานเฉพาะทาง ด้วยเทคโนโลยี ผ่านโซลูชั่นวิเคราะห์และติดตามข้อมูลบิ๊กดาต้า และกลุ่มบริษัทฯ ได้เข้าลงนามใน สัญญาอนุญาตให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการใช้ซอฟต์แวร์วิเคราะห์และติดตามข้อมูลบิ๊กดาต้า เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการงานเฉพาะทาง กับบริษัทคู่ค้าซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งซอฟต์แวร์นี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของโซลูชั่นและในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจร่วมกันกับบริษัทคู่ค้าซึ่งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์วิเคราะห์และติดตามข้อมูล โดยกลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิในการใช้ระบบและซอฟต์แวร์ดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว

กลุ่มบริษัทฯ จะนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพระบบบริหารจัดการ และลดค่าใช้จ่ายอย่างมีนัยสำคัญในการดำเนินงานของลูกค้า ที่มีงานเฉพาะทางซึ่งจำเพาะต่อกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง กลุ่มโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน และกลุ่มโรงแรม

บริษัทคาดว่า ธุรกิจนี้จะช่วยเสริมสร้างรายได้และกำไรอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิที่สูงขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสในการเติบโตอย่างมากและต่อเนื่อง (Passive Income with Growth) เนื่องจากในปัจจุบัน ยังไม่มีคู่แข่ง และกลุ่มบริษัทฯ เป็นเพียงบริษัทเดียวที่มีเทคโนโลยีซอฟต์แวร์และโซลูชั่นเฉพาะทางในลักษณะนี้

ทั้งนี้ มูลค่าของรายได้และกำไรที่จะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินธุรกิจดังกล่าว จะขึ้นอยู่กับจำนวนข้อมูลที่ติดตามในงานเฉพาะทางของลูกค้าแต่ละราย และจำนวนของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ อยู่ระหว่างเจรจากับกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน และจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

อันดับ 3 บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP ราคาหุ้นในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 ปรับตัวขึ้น 416.13% จากระดับ 1.24 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 6.40 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 โดยนักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดเล็ก และเทคนิคขาขึ้น

อย่างไรก็ตามล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังก่อนตัดสินใจการซื้อขายหลักทรัพย์  MVP เนื่องจากสภาพการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแม้อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 3 โดยอาจมีความเสี่ยงหากราคาผันผวน ซึ่งให้พิจารณาปัจจัยพื้นฐานและสารสนเทศที่แจ้งผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รอบคอบ

นอกจากนี้ขอให้บริษัทสมาชิกทุกรายกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ MVP อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ปัจจุบัน หลักทรัพย์ MVP อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 3: ห้าม Net settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance เริ่ม 1 ก.ค.-21 ก.ค. 2564

อันดับ 4 บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL ราคาหุ้นในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 ปรับตัวขึ้น 335.62% จากระดับ 0.73 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 3.18 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 คาดเก็งกำไรหุ้นเล็กเทคนิคขาขึ้น และลุ้นผลงานฟื้นตัวต่อเนื่องหลังไตรมาส 1/2564 พลิกมีกำไร 20.01 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NCL เปิดเผยว่า ในปี 2564 ทุกธุรกิจในเครือ ได้แก่ ธุรกิจบริการขนส่งครบวงจรทั้งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ ทั่วโลก รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาล้างไต และจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์มีทิศทางที่ดีมาก โดยเฉพาะได้แรงหนุนจากการให้บริการตู้คอนเทนเนอร์ (FCL) ที่กำลังขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์อย่างหนัก ส่งผลบวกต่อธุรกิจโดยตรง และปรับอัตราค่าบริการได้ในระดับสูง จากงบทั้งปี 2563 ที่น่าจะบันทึกขาดทุนจากบริษัท แอลจี คอนเทนเนอร์ไลน์ จำกัด หรือ LG TH และมาตรฐานบัญชีใหม่

สำหรับปัจจุบันบริษัทมีตู้คอนเทนเนอร์ ในส่วนของ NCL เอง จำนวน 500 ตู้ ซึ่งเป็นมูลค่าที่ซื้อมาประมาณ 1,800 ล้านบาท ตอนนี้มูลค่าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3,800 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีแผนขายตู้คอนเทนเนอร์ออก แม้ราคาจะดีมาก

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีการให้บริการตู้คอนเทนเนอร์ของ LG TH (บริษัทในเครือ NCL) จำนวนประมาณ 1,500 ตู้ ทำให้มีตู้คอนเทนเนอร์บริการรวมมากกว่า 2,000 ตู้ ด้วยอัตราราคาการเช่าตู้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง รวมไปถึงธุรกิจขนส่งในประเทศยังบริการไปได้ดี ควบคู่ไปกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำยาล้างไตฯ ที่มีศูนย์บริการมากกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ

ด้านการบริการขนส่งกับ EL AL ISRAEL AIRLINE LTD. (ประเทศอิสราเอล) เริ่มฟื้นตัวบ้าง ส่วนของบริการด้านผู้โดยสาร จะกลับมาบินได้ช่วงใดยังตอบไม่ได้ หากกลับเป็นปกติจะมีรายได้กว่า 500 ล้านบาทต่อปี

ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 : Cash Balance บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL ตั้งแต่ 23 มิ.ย. 2564 ถึง 13 ก.ค.2564

อันดับ 5 หุ้น บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KUMWEL ราคาหุ้นในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 ปรับตัวขึ้น 270.91% จากระดับ 1.10 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.63 มาอยู่ที่ระดับ 4.08 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 เนื่องจากแนวโน้มธุรกิจเติบโตดีทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรต่อเนื่อง

โดยนายบุญศักดิ์ เกียรติจรูญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KUMWEL เปิดเผยว่า ทางบริษัทยังคงมองภาพรวมในครึ่งปีหลัง เชื่อว่าน่าจะทำตามเป้า 550 ล้านบาทได้ หากสถานการณ์คลี่คลาย โครงการก็เดินต่อ นวัตกรรมมีการตอบรับ และออกใบสั่งซื้อ หรือสินค้าได้ออกมาตรฐาน มอก. ที่จะได้รับ ต้นไตรมาส 3 ก็มีใบรับรอง จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าไว้ เป้ายังคงเดิม

ส่วนความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-นครราชสีมา บริษัทได้รับคัดเลือกติดต้งระบบ Integrated Earthing System 3 สัญญา ส่วนอีก 2 สัญญาอยู่ระหว่างติดตามเสนอราคากับผู้รับเหมา และอีกสัญญาอยู่ระหว่างรออนุมัติเรื่องสิ่งแวดล้อม คาดว่าไตรมาส 3/2564 จะมีการเซ็นสัญญาและเริ่มติดตั้งได้แม้ว่าล่าช้าจากแผนบ้าง โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 40 ล้านบาท และในปี 2565 ประมาณ 60 ล้านบาท

ทั้งนี้ ส่วนของ Product Base กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งออกมาตรฐานผลิตภัณฑ์ (มอก.) โดยเฉพาะอุปกรณ์ต่อลงดินและฟ้าผ่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จะเริ่มออกใบรับรองโรงงานที่ผลิตสินค้า โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมและยื่นเรื่องสินค้าของบริษัทไปแล้ว คาดต้นไตรมาส 3/2564 ได้รับใบรับรองที่อาจเป็นรายแรกที่ได้ใบรับรอง ซึ่งจะกระตุ้นตลาดผู้บริโภคหรือตลาดทั่วไป จากเดิมอยู่ในตลาดเฉพาะอุตสาหกรรมใหญ่หรือ Infrastructure หลังจากนี้ตลาดจะขยายฐานมากขึ้นจนไปถึงตลาดที่อยู่อาศัยด้วย

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ (Innovation Base)  ซึ่งบริษัททุ่มเทในการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ Smart ต่างๆ เช่น Smart Lighting Management System (SLMS) ได้เริ่มติดตั้งลูกค้าไปแล้ว อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ได้รับผลกระทบจากฟ้าผ่า จึงได้สนใจอุปกรณ์และให้บริษัทเข้าไปนำเสนอคาดไตรมาส 3/2564 จะได้รับข่าวดี รวมทั้ง Lightning Warning System โดย 2 เดือนที่ผ่านมา โรงงานอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากพายุฟ้าฝน ซึ่งได้ให้บริษัทนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ คาดว่าในไตรมาส 3/2564 จะได้รับการตอบรับมากขึ้น และจะมีรายได้ส่วนนี้มากขึ้น  นอกจากนี้ ยังได้ผลิตอุปกรณ์อื่น เช่น DTS ที่อุตสาหกรรมใช้ตรวจวัดอุณหภูมิความร้อน ก็คาดว่าน่าจะผลตอบรับในไตรมาส 3/2564

อย่างไรก็ตามตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้ KUMWEL เข้าข่ายใช้มาตรการกำกับการซื้อขาย (Cash Balance) ระดับ 1 เริ่มตั้งแต่ 8 – 27 ก.ค. 2564

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button