GPSC วิ่งแรง 5% รับข่าวทุ่ม 1.5 หมื่นลบ. ลงทุน “โซลาร์อินเดีย” เฉียด 4 พันเมกฯ

GPSC พุ่งเกือบ 5% แตะ 78 บ. รับข่าวทุ่มเงิน 1.5 หมื่นลบ. เข้าลงทุน “โซลาร์อินเดีย” 41.6% กำลังผลิตเฉียด 4 พันเมกฯ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ณ เวลา 10.06 น. อยู่ที่ระดับ 78 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 4.70% สูงสุดที่ระดับ 78 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 76.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้น GPSC ปรับตัวขึ้นแรงวันนี้ เนื่องจากมีการเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ GPSC ถือหุ้นทั้ง 100% ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนใน บริษัท Avaada Energy Private Limited (Avaada) สาธารณรัฐอินเดีย โดยการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 41.6% ของทุนท้งหมดของ Avaada คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 14,825 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ฯ ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 21 พ.ค.64

โดย Avaada Energy Private Limited ประกอบธุรกิจพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ในอินเดีย โดยมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ Central and State Government และ ลูกค้าเอกชน (Commercial & Industrial) รวมกำลังการผลิตไฟฟ้า (Committed capacity) ทั้งสิ้น 3,744 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วประมาณ 1,392 เมกะวัตต์และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนประมาณ 2,352 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ภายในปี 64-65 และมีเป้าหมายการเติบโตถึง 11,000 เมกะวัตต์ในปี 68 ทั้งนี้ บริษัทสามารถรับรู้ผลการดำเนินงานจากการลงทุนดังกล่าวได้ทันที

ด้านนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า การเข้าร่วมทุนในครั้งนี้ ถือเป็นความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของ กลุ่ม ปตท. ผ่านทิศทางการลงทุนในอนาคตที่รองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เพื่อมุ่งสู่ Net Zero Carbon Emissions และช่วยสนับสนุนให้เกิดการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามข้อตกลงปารีสร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม

โดยการขยายการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน รวม 3,744 เมกะวัตต์ในโครงการนี้ เมื่อโครงการดำเนินการเต็มกำลังการผลิตในปี 65 คาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ราว 4.3 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการผลิตไฟฟ้าของประเทศอินเดีย ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้กลุ่ม ปตท. บรรลุเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนของกลุ่ม ปตท.ให้ถึง 8,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 73 นำไปสู่การพัฒนาพลังงานอนาคตอย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป

ด้านนายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GPSC กล่าวว่า การร่วมทุนดังกล่าวเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทในฐานะ Flagship ของกลุ่ม ปตท. โดยจะทำให้ GPSC มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 2,145 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 32% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 6,613 เมกะวัตต์ และจะเพิ่มขึ้นตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของบริษัท Avaada ที่ตั้งเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตเป็น 11,000 เมกะวัตต์ ในปี 68

ทั้งนี้ การเข้าร่วมทุนในโครงการดังกล่าวเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ในการขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศของกลุ่ม GPSC ซึ่งได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการลงทุนใน Avaada ซึ่งมีเป้าหมายการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในอนาคต สอดคล้องกับอัตราการเติบโตของการใช้ไฟฟ้าในประเทศอินเดียที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะมีประชากรมากกว่า 1,300 ล้านคน รวมถึงรัฐบาลอินเดียยังมีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาด เพื่อใช้เป็นแนวทางส่งเสริมพลังงานสะอาดให้เป็นที่หนึ่งของโลก โดยอินเดียมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจาก 73 กิกะวัตต์ ในปัจจุบัน ให้เป็น 450 กิกะวัตต์ ภายในปี 73 ดังนั้น อินเดียจึงนับเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ และส่งผลดีต่อการขยายโอกาสด้านการลงทุนของบริษัทฯ อีกทั้งอินเดียยังเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอีกประเทศหนึ่ง

โดย GPSC เล็งเห็นถึงความสำคัญของทิศทางการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการพัฒนาพลังงานโลก ที่ให้ความสำคัญในด้านการผลิตพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ประเทศทั่วโลกมีการขยายโครงการพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายของประเทศไทยที่จะเดินหน้าสู่เป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะเป็นส่วนสนับสนุนในการขับเคลื่อนความมั่นคงด้านพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของประเทศ และยังสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันที่จะนำไปสู่การพัฒนาพลังงานอย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป

X
Back to top button