SCC บวก 3% รับกำไร Q2 แกร่ง 1.70 หมื่นลบ. ดีกว่าคาด โบรกฯชูเป้า 522 บ.

SCC บวก 3% รับปัจจัยบวกกำไรไตรมาส 2/64 โต 1.70 หมื่นลบ. แรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมีเติบโตได้ดี ฟากโบรกคาดกำไรปีนี้ แตะ 5 หมื่นล้านบาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 522 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (30 ก.ค. 2564) ราคาหุ้นบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ณ เวลา 10.40 น. อยู่ที่ระดับ 422.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท หรือ 2.93% โดยทำจุดสูงสุดที่ 426.00 บาท และทำจุดต่ำสุดที่ 420.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 929.84 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (30 ก.ค.2564) ว่าด้วย SCC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส2/2564 กำไรสุดแกร่ง 1.70 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15%จากไตรมาสก่อน ดีกว่าที่ทางฝ่ายวิจัยและตลาดคาดไว้ก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ยังเติบโตได้ดี สำหรับผลดำเนินงานรายธุรกิจมีดังนี้

(1) ธุรกิจปิโตรเคมีมี EBITDA ที่1.50 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 42% จากไตรมาสก่อน โดยหลักเป็นผลจาก PVC-EDC ที่ปรับขึ้นจาก 166 ดอลลาร์/ตัน  มาเป็น 700 ดอลลาร์/ตัน ในขณะที่ต่างราคาของ HDPE-Naphtha คาดว่าจะยังทรงตัวได้ในระดับ 590 ดอลลาร์/ตัน และ PP-Naphtha ปรับลดลงเหลือ 700 ดอลลาร์/ตัน (ไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 800 ดอลลาร์/ตัน)

(2) ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมี EBITDA ที่ 6.50 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน Flat จากไตรมาสก่อน โดยปรับดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจากธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ปรับดีขึ้นกว่า 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ความต้องการปูนซีเมนต์ลดลงราว 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

(3) ไตรมาสนี้มีการรับรู้เงินปันผลจากบริษัทร่วมทำให้รายได้อื่นๆ ปรับขึ้นมาเป็น 2.80 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 83% จากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรปี 2564 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยประเมินว่าครึ่งปีแรก 2564 จะคิดเป็นประมาณ 60% ของกำไรทั้งปี นอกจากนี้แนวโน้มไตรมาส 3/2564 คาดว่าจะอ่อนตัวจากไตรมาสก่อน จากส่วนต่างราคาของปิโตรเคมีที่ปรับลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับขึ้นตามราคานำมัน ปัจจุบันส่วนต่าง HDPE-Naphtha อยู่ที่ระดับ 400 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้วจาก (1) ราคาน้ำมันที่น่าจะทรงตัวที่  75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  (2) เริ่มเข้าสู่ช่วง Turnaround ของโรงปิโตรเคมี และ (3) คาดว่าจะเริ่มมีการ Restocking ที่เร็วขึ้นเพราะ Supply ของขนส่งทางเรือที่ยังขาดแคลน

อย่างไรก็ดีทางฝ่ายวิจัยคงราคาเป้าหมายปี 2564ที่ 522 บาท แนะนำ “ซื้อ” อิง SOTP หรือเทียบเท่า EV/EBITDA ที่ 11 เท่าราคาหุ้น 3 เดือนที่ผ่านมาปรับลดลงกว่า 10% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ปรับลดลงจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เชื่อว่าส่วนต่างราคาปิโตรเคมีน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว

Back to top button