HUMAN บวกแรง 7% “ออลไทม์ไฮ” จับตากำไรปี 64 โตแรงเกิน 100% แนะซื้อเป้า 15 บาท

HUMAN บวกแรง 7% “ออลไทม์ไฮ” จับตากำไรปี 64 โตแรงเกิน 100% แนะซื้อเป้า 15 บาท พร้อมลุ้นกำไรปี 65 เด่นต่อเนื่อง หลังเข้าลงทุน “DataOn” ดันรายได้-กำไรโตยาว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(12ม.ค.65) ราคาหุ้น บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) หรือ HUMAN ณ เวลา 10:28 น. อยู่ที่ 13.90 บาท บวก 0.90 บาท หรือ 6.92% สูงสุดที่ 14.30 บาท ต่ำสุดที่ 13.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 174.38 ล้านบาท ราคาหุ้นสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2560

โดยบล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัจจุบัน HUMAN มีส่วนแบ่งในตลาดโซลูชั่นด้าน HR มากที่สุดในประเทศไทย ขณะที่ DataOn เป็นเจ้าตลาดในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งดีลการเข้าซื้อ DataOn ของ HUMAN จะทำให้บริษัทกลายเป็นผู้นำในอาเซียนอย่างเต็มตัว โดยมองว่าดีลนี้เป็นก้าวสำคัญสำหรับการเติบโตในระยะยาว อย่างไรก็ตามการเพิ่มขึ้นที่ราคา 10.60 บาทต่อหุ้น อาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น

ทั้งนี้การเข้าซื้อหุ้น DataOn จะส่งผลบวกต่อการขยายตัวของทั้งรายได้และกำไรของ HUMAN นอกจากนี้บริษัทให้บริการกว่า 13 ประเทศทั่วเอเชีย นอกเหนือจากในอาเซียน DataOn มีฐานลูกค้าอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และทางตะวันออกกลาง โดยหลังการเข้าซื้อหุ้นฐานลูกค้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 บริษัท (ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 2 ล้านราย) นอกจากนี้ DataOn กับ HUMAN จะสามารถผนึกกำลังกันเพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ต่อได้ในอนาคต ซึ่งทำให้บริษัทพร้อมที่จะแข่งขันกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ

อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าจะเจอปัญหาการระบาดของโควิด-19 แต่ DataOn ยังคงรายงานอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของรายได้สำหรับช่วงปี 2562-63 ถึง 25% และอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีของกำไรสำหรับช่วง 2562-63 ถึง 112% โดยอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 59% และ 23% ตามลำดับ คาดการณ์กำไรปี 2564 ที่ 84 ล้านบาท เติบโต 104% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 122 ล้นบาท สำหรับปี 2565 เติบโต 46% เมื่อเทียบจากปีก่อน

ทั้งนี้ประเทศอินโดนีเซียเป็นตลาดที่ใหญ่ โดยมีประชากรถึง 270 ล้านคน (เทียบกับประเทศไทยเพียง 70 ล้านคน) จึงประมาณการว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นของ HUMAN จะเพิ่มขึ้น 20% สำหรับปี 2565 (รวมบัญชี 9 เดือน) ไปที่ 0.38 บาท จากดีลดังกล่าว จึงปรับขึ้นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 เป็น 15 บาท จากเดิม 12 บาท อ้างอิงจาก PER ที่ 40 เท่า (เทียบเท่ากับค่าเฉลี่ย PER ของ 6 บริษัทกลุ่มเทคโนโลยีของประเทศไทยที่บล.บัวหลวง ให้คำแนะนำ) คาดการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2565 ที่ 42% คิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่เพียง 0.8 เท่า

 

Back to top button