PR9 บวก 3% โบรกแนะซื้อเป้า 22.70 บ. ลุ้นกำไรปี 66-67 โตต่อเนื่อง รับผู้ป่วยต่างชาติพุ่ง

PR9 บวก 3%โบรกเชียร์ซื้อเป้า 22.70 บาท อัพไซด์สูง 16% ลุ้นกำไรปี 66-67 โตต่อเนื่อง รับผู้ป่วยต่างชาติพุ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 เม.ย.66) ราคาหุ้นบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 ล่าสุด ณ เวลา 15:20 น. อยู่ที่ระดับ 19.50 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 3.17% สูงสุดที่ระดับ 19.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 18.90 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 98.72 ล้านบาท

บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น PR9 ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus ที่ 22.70 บาท ประเมินภาพรวมการดําเนินงานในปี 2566 จะยังสามารถเห็นการเติบโตได้ โดยปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ โดยเฉพาะคลีนิก IVF ที่เน้นผู้ป่วยชาวจีน จะสามารถ out weight รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับ Covid-19 ได้

นอกจากนี้กลุ่มผู้ป่วย IPD ของ PR9 ส่วนมากจะเป็นผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อนที่มีรายได้ต่อบิลสูงกว่าผู้ป่วย Covid-19 โดยทางผุ้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 66 จะเติบโต 12% และวางงบลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ รวมปรับปรุงพื้นที่อาคาร A ชั้น 1 เพื่อรองรับเฉพาะผู้ป่วยชาวต่างชาติ (คาดเปิดกลางปี66) ทั้งนี้ตลาดคาด กําไรสุทธิ ปี 66 และ ปี 67 จะขยายตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 614 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบจากปีก่อน และ 688 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบจากปีก่อน ตามลําดับ

โดยก่อนหน้านี้นายธีรพันธ์ ดิษยบุตร รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน PR9 เปิดเผยว่า ทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/2566 น่าจะทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากต้นปีที่แล้วเป็นช่วงที่โควิด-19 กลับมาระบาดหนัก ทำให้ฐานรายได้จากการให้บริการผู้ป่วยภาคปกติ และรายได้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโควิด-19 ค่อนข้างสูง

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 ที่ทรงตัว ยังถือเป็นการเติบโตที่สูงมากจากการให้บริการผู้ป่วยภาคปกติ แม้ว่าไม่มีรายได้จากโควิด-19 เข้ามาช่วย เนื่องจากการขยายตัวของผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ทั้งในส่วนของผู้ป่วยภาคปกติ และผู้ป่วยแผนกเฉพาะทาง รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งนี้บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่ออนุมัติ และประกาศงบการเงินประมาณวันที่ 11 พ.ค. 2566

สำหรับทิศทางไตรมาส 2/2566 บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และดีกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากจะเริ่มเป็นผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่กลางไตรมาส โดยเฉพาะในส่วนของชาวจีน บวกกับผู้ป่วยในแผนกเฉพาะทางต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น เช่น ศูนย์สลีปเซ็นเตอร์ เลสิก และศัลยกรรมความงาม เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ของปี 2566 เป็นต้นไป จะเริ่มมีการส่งต่อผู้ป่วยจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว เข้ามารักษาที่โรงพยาบาล หลังมีการเซ็นสัญญาความเข้าใจร่วมกัน (MOU) กับพันธมิตรเครือข่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงการเน้นสร้างเครือข่ายส่งต่อผู้ป่วยทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทยังคงเป้าหมายมีรายได้จากการให้บริการทางการแพทย์เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก (Double-Digit) สอดคล้องกับฐานผู้ป่วยโดยรวมที่ยังเข้ารับบริการหนาแน่น และประเมินว่ารายได้การให้บริการทางการแพทย์ฐานผู้ป่วยชาวต่างชาติจะปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 20% ของรายได้รวม (อ้างอิงฐานรายได้ที่ใหญ่ขึ้น) จากปี 2565 ที่มีสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ 18%

Back to top button