KLINIQ บวก 4% แย้ม Q2 โตต่อ ลุ้นปีนี้กำไรทะลุ 255 ล้าน เดินหน้าขยาย 10 สาขาตามแผน

KLINIQ บวก 4% แย้มไตรมาส 2/66 โตต่อ ลุ้นปีนี้กำไรทะลุ 255 ล้าน เดินหน้าขยาย 10 สาขาตามแผน รับลูกค้าต่างชาติพุ่ง โบรกแนะซื้อเคาะเป้า43.25 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 พ.ค.66) ราคาหุ้น บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ล่าสุด ณ เวลา 15:13 น. อยู่ที่ระดับ 40.00 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 3.90% สูงสุดที่ระดับ 40.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 38.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79.42 ล้านบาท

โดยก่อนหน้านี้นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาเปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 26 พ.ค.66 ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการจัดตั้งโรงพยาบาลศัลยกรรม ซึ่งจะเป็นศูนย์ให้บริการศัลยกรรมแห่งที่ 2 โดยจะพิจารณาทำเลที่ตั้งและจังหวะเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งรอให้ศูนย์ศัลยกรรมแห่งแรกที่สยามสแควร์มีอัตราการใช้บริการเพิ่มขึ้นแตะ 50% ก่อน จากนั้นจะเริ่มลงทุน

พร้อมกันนั้น บริษัทจะเดินหน้าขยายสาขาในปีนี้ตามแผนงาน 10 สาขา โดยในครึ่งปีแรก 5 สาขา แบ่งเป็น The KLINIQUE 2 สาขา และ L.A.B.X 3 สาขา ส่วนครึ่งปีหลังจะขยายอีก 5 สาขา โดยปัจจุบันบริษัทมี 43 สาขา ได้แก่ THE KLINIQUE จำนวน 37 สาขา, L.A.B.X. จำนวน 5 สาขา และ THE KLINIQUE SURGERY CENTER จำนวน 1 สาขา

ทั้งนี้บริษัทยังมั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 จะเห็นการเติบโตขึ้นดีกว่าไตรมาส 1/66 จากการที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัจจุบันมีลูกค้าต่างชาติเข้ามาเสริมมากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจบริการความงามเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น รวมถึง THE KLINIQUE Surgery Center ปัจจุบันมีอัตราการใช้บริการเพิ่มขึ้นมาเป็น 20% โดยที่อัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ยังเห็นการเติบโตขึ้น 10%

ขณะที่ธุรกิจ KLINIQUE SPA ซึ่งเป็นสปาทางการแพทย์เพื่อสุขภาพที่มีผู้เชี่ยวชาญให้การดูแลอย่างใกล้ชิด โดดเด่นด้วยการผสมผสานหลักกายภาพบำบัด (Physiotherapy) กับศาสตร์แห่งการผ่อนคลาย นำมาประยุกต์ให้มีความจำเพาะกับแต่ละปัญหา เพื่อช่วยลดความตึงเครียดและเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จึงทำให้เกิดการฟื้นฟูร่างกายในหลากหลายมิติ เปิดแห่งแรกที่สยามพารากอนได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้

นอกจากนี้ บริษัทยังมีความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เปิดตัว THE KLINIQUE-Stem Cell Harvesting Center (TSHC) ศูนย์เก็บเซลล์ไขมันเพื่อฝากสเต็มเซลล์ที่มีมาตรฐานสากล ปลอดภัย จากนวัตกรรมซึ่งเป็นเทรนด์ของเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตลาดมหาศาลจากเทรนด์ดูแลสุขภาพชะลอวัย และจะเป็นบริการที่เข้ามาเติมเต็มให้บริการของบริษัทมีความหลากหลาย

บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ประเมิน KLINIQ ว่าแนวโน้มกําไรสุทธิปี 66 จะเติบโตต่อเนื่องอยู่ที่ 255 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และในปี 2567 คาดอยู่ที่ 334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.96% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1.การขยายสาขาอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้ประเมินว่าทาง KLINIQ จะเปิดสาขา KLINIQUE 4 สาขา และ L.A.B.X. 6 สาขา รวมเป็นทั้งหมด 10 สาขา ,2.การเติบโตทางรายได้ของศูนย์ศัลยกรรมที่ยังมีปริมาณในการรองรับผู้ใช้บริการได้อีกมาก โดยปัจจุบัน occ. rate อยู่ที่ราว 30% คาดว่าภายในสิ้นปี occ. rate มีโอกาสขยับขึ้นไปที่ระดับ 60% และ 3.Gross Profit Margin ที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากจำนวนการเข้าใช้บริการและสาขาที่สูงขึ้น อีกทั้งแบรนด์ L.A.B.X. ที่มีมาร์จิ้นที่สูง 4.การบริการ ที่คลอบคลุมไปในด้าน wellness เช่น Immunotherapy, NAD+ Frozen Concentrate (Anti-Aging IV Drip) เป็นต้น

แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดย วางราคาเป้าหมายปี 66 ที่ระดับ 43.25 บาท ปัจจุบันยังประมาณการกำไรสุทธิปี 66 และ ปี 67 จะยังเติบโตได้แข็งแกร่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 255 ล้านบาท(โต 24.13% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 334 ล้านบาท (โต 30.96% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน )ตามลำดับตามเหตุผลที่กล่าว อย่างไรก็ตามจากกำไรไตรมาส 1/66 ที่ 69 ล้านบาท คิดเป็น 27%ของประมาณการกำไรทั้งปี66 ของเรา มีโอกาสที่จะปรับประมาณกำไรขึ้นหากทิศทางการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 นี้ ยังคงแข็งแกร่งจึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร “

Back to top button