CHG-BCH กอดคอร่วง! กังวลปรับลดค่าหัว “ประกันสังคม” เหลือ 1 หมื่นบาท

CHG-BCH กอดคอร่วง! กังวลประกันสังคมเตรียมปรับเงินสมทบใหม่เริ่มปี 67 หวั่นกระทบรายได้ลดลง หลังโรงพยาบาลจะจ่ายล่วงหน้าไปก่อนแล้วค่อยไปเบิกอีกที แต่ส่งผลให้ปีที่แล้วงบประมาณไม่พอทำให้ต้องลดค่า RW แล้วอาจทำให้ต้องแก้ไขงบ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (6 ก.พ.67) ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG ล่าสุด ณ เวลา 15:50 น. อยู่ที่ระดับ 2.92 บาท ลบ 0.14 บาท หรือ 4.58% สูงสุดที่ระดับ 3.12 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.84 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 534.93 ล้านบาท

บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ราคาอยู่ที่ระดับ 22 บาท ลบ 0.90 บาท หรือ 3.93% สูงสุดที่ระดับ 23.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,093.02 ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง คาดว่าสาเหตุจากที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับสำนักงานประกันสังคม เตรียมปรับเงินสมทบใหม่เริ่มปี 2567 ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ลดลง ซึ่งอาจมีต้องกลับไปแก้งบการเงินปี 2566 จากการลดค่า RW จาก 12,000 บาท เหลือ 10,000 บาท สำหรับ ยอดเรียกเก็บในเดือนมกราคมไปจนถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งจะทำให้รายได้ประกันสังคมลดลง

ทั้งนี้อาจจะมีมุมมอง คือโรงพยาบาลคาดจะจ่ายล่วงหน้าไปก่อนสำหรับผู้ป่วยประกันสังคมแล้วค่อยไปเบิกอีกที แต่ส่งผลให้ปีที่แล้วงบประมาณไม่พอทำให้ต้องลด RW แล้วอาจทำให้ต้องแก้ไขงบ

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตามที่สำนักงานประกันสังคม หรือ SSO ขอปรับค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน(Adjusted Relative weight : AdRW) จาก 12,000 บาท เป็น 10,000 บาทของการรักษาปี 2565 ทั้งนี้หมายความรวมถึงค่าห้อง ค่าอาหาร และค่ายา ยกเว้นกรณีผู้ประกันตนที่ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้ยา หลังจากโรงพยาบาลทำการเบิกย้อนหลังในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งคาดว่าเป็นรายการเก็บตกช่วงท้ายๆ ของปี 2565 โดยคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบ ดังนี้

1.ผลกระทบของการรักษาในปี 2565 ที่จะมาลงในปี 2566 น่าจะจำกัด เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นรายการเบิกย้อนหลัง คาดการณ์ว่าจะเห็นการตั้งสำรอง (provision) เพียงเล็กน้อยเป็นหลักสิบล้านในไตรมาส 4/2566

2.ผลกระทบของการรักษาในปี 2566 ที่จะมาลงในปี 2567 อาจขึ้นอยู่กับว่างบประมาณในส่วนของ RW พอหรือไม่ โดยทางฝ่ายวิจัยประมาณการเบื้องต้นว่า หากงบประมาณไม่พอ คาดการณ์ว่า BCH จะต้องตั้งสำรอง (provision) ราวประมาณ 20 ล้านต่อเดือน ซึ่งคาดว่าเป็นกรณีที่แย่ที่สุด (worst case) น่าจะตั้งสำรองไม่เกิน 3 เดือนคือ 60 ล้านบาท ส่วน CHG จะตั้งราว 10 ล้านต่อเดือน

3.ผลกระทบของปี 2567 ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงพยาบาลว่า จะใช้นโยบายอย่างระมัดระวัง (conservative) แล้วปรับลดค่า RW ลงมาจาก 12,000 หรือไม่

4.เบื้องต้นราคาหุ้นลงมา 5% คิดเป็นมูลค่าตลาด (market cap) ที่หายไป 2.5-3.0 พันล้านบาท สำหรับ BCH และ 1.5 พันล้านบาท สำหรับ CHG ซึ่งเทียบกับผลกระทบที่ไม่น่าจะเกิน 100 ล้านต่อปี จึงมองเป็นโอกาสซื้อ อย่างไรก็ดีอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจาก BCH

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ “ซื้อ” BCH ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 24.5 บาท และ CHG ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.9 บาท

ขณะที่ล่าสุด บล.ซีจีเอส อินเตอร์ เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุจากการสอบถามเพื่อตรวจสอบข้อมูลกับทางผู้บริหารของ CHG เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว หลังราคาหุ้นปรับตัวร่วงลงแรงเมื่อวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่าใน 11 เดือนแรกของปี 2565 นั้น CHG ได้รับวงเงิน 12,000 บาทต่อ RW แต่ในเดือนธันวาคม ประกันสังคมลดลงมาเหลือ 10,000 บาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทราว 2 ล้านบาทเท่านั้นในงบปี 2565 และการลดยอดในเดือนธันวาคมนั้นไม่ได้หมายความว่าประกันสังคมจะปรับลดยอดของปี 2566 ด้วย

ทั้งนี้ CHG จะเร่งส่งเรื่องขอเงินคืน โดยระบุว่ามีบางโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 2-3 เดือนในปี 2565

โดย CGSI ให้ความเห็นว่าเมื่อดูจากผลกระทบที่ CHG ได้รับแล้วค่อนข้างที่จะเล็ก และเชื่อว่าผลกระทบต่อ BCH ก็จะไม่รุนแรงเช่นกัน

Back to top button